life

น้ำตาแห่งความซาบซึ้งไหลอาบแก้มทันทีที่ใครคนหนึ่งรู้ตัวว่ากำลังจะได้เป็นแม่คน

จากสายตาของคนนอกที่มองเห็นภาพนั้นเราเชื่อได้เลยว่าเธอกำลังปลื้มปีติกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก คนอื่นมองเห็นภาพนี้จากฝั่งของผู้ชมอยู่เสมอ โดยไม่เคยรู้เลยว่าเบื้องหลังน้ำตาแต่ละหยด ไม่ได้มีเพียงความสุขแต่ยังระคนไปด้วยความกังวลใจ กับสถานะแม่มือใหม่ ที่กำลังจะได้รับในไม่ช้า 

เรากำลังอาศัยอยู่ในวัฒนธรรมที่บอกว่าการเป็นแม่คือเรื่องโรแมนติกจนมีศัพท์เรียกกันติดปากว่า ‘Pinterest mom’ ซึ่งเปรียบเปรยว่าแม่ที่เพอร์เฟ็คคือแม่แบบในพินเทอเรสต์  

เป็นแม่ที่มีความสุข มีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าตลอดเวลา เป็นนักประดิษฐ์ ทำข้าวกล่องหน้าตาน่ารักให้ลูกๆ ไปโรงเรียนทุกเช้า เป็นแม่ที่ยอมเสียสละทุกสิ่งได้เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างดีที่สุด จากมุมมองของผู้ชม เราจะเห็นว่าแม่แบบที่ว่าคือคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบ คุณแม่หลายๆ คนเป็นแบบนั้น แต่เบื้องหลังความสมบูรณ์แบบที่พวกเขาไม่ได้เล่าให้เราฟัง อาจผิดคาดไปจากภาพที่เห็น 

ความจริงของการเป็นแม่มีหลายด้านมากกว่าความสุข จริงอยู่ที่ว่าการมีลูกเป็นสิ่งงดงาม แต่ขณะปลื้มปีติ แม่หลายคนก็รู้สึกวิตกกังวลไปพร้อมๆ กัน และคงไม่มีใครอยากส่งต่อเรื่องไม่น่ายินดีเหล่านี้ออกสู่สาธารณะ ความเป็นแม่อีกด้านจึงไม่เคยถูกพูดถึงในวงกว้างและคงจะเข้าใจได้หลังจากที่ได้เป็นแม่ด้วยตัวเอง แม่มือใหม่หลายๆ คนที่ไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน อาจพาลกำลังรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่เผลอคิดลบแบบนั้น ชีวิตการเป็นแม่ที่ไม่ได้โรแมนติกอาจทำให้ใครบางคนกำลังสงสัยว่าตัวเองเป็น ‘แม่ที่ไม่ดี’  

ความเครียด ความกังวล และความหวาดกลัวเกิดขึ้นได้ปกติตั้งแต่วินาทีแรกที่ใครคนหนึ่งรู้ตัวว่ากำลังจะเป็นแม่ ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป แต่กลับมีอีกหนึ่งชีวิตให้ต้องดูแลตลอดไปต่อจากนี้ ภาระหนักอึ้งที่ทั้งยิ่งใหญ่และยาวนาน เป็นธรรมดาที่จะนึกเสียดายชีวิตอิสระก่อนหน้า แถมตอนนี้ก็ยังรับมือกับการเลี้ยงลูกได้ไม่เก่งนัก นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้คุณแม่มือใหม่ไม่ต่างอะไรกับปลาช็อคน้ำ 

จากสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีผู้หญิงตั้งครรภ์ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก 13 เปอร์เซ็นต์ ที่เผชิญกับความผิดปกติด้านจิตใจ โดยเฉพาะ ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (Post-partum) ยิ่งในประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่ได้มีสวัสดิการดูแลผู้เป็นแม่ดีเท่าที่ควร ตัวเลขเหล่านี้ยิ่งสูงขึ้นไปอีก เคสเลวร้ายที่สุดอาจเจ็บป่วยทางใจรุนแรงถึงขั้นเลือกจบชีวิตตัวเองและลูกไปเลยก็ได้

มีหลายปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของภาวะเหล่านี้ สำหรับผู้หญิงบางคนเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายกระทันหัน เพราะหลังจากคลอด ฮอร์โมนบางชนิดที่ร่างกายหลั่งไว้สำหรับตั้งครรภ์จะค่อยๆ หายไป สำหรับบางคนอาจเกิดจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ เมื่อมีลูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทำให้ยังปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตการเป็นแม่ได้ไม่ดีนัก 

อาการที่บ่งบอกถึงภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่มือใหม่มีหลายแบบ เช่น วิตกกังวลอย่างรุนแรง อารมณ์แปรปรวน ร้องไห้ง่าย หงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย คิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ และอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองและลูก 

อาลิ เมล (Ali Male) นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจากศูนย์ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือพิเศษ A-Z กล่าวว่า บางครั้งแม่ก็โกรธเกลียดลูกของตัวเองได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพ่อ บางครั้งคนเป็นแม่ก็ประสบปัญหาส่วนตัวจนทำให้เกิดความหดหู่ในใจ เช่น ป่วย ตกงาน หรือมีปัญหาในการเลี้ยงลูก สำหรับแม่บางคนอาจรู้สึกผิดหวังและโทษตัวเอง เมื่อลูกไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้

ออตทิเลีย บราวน์ (Ottilia Brown) นักจิตวิทยาคลินิกประจำ Lighthouse Arabia เผยว่า คนเป็นแม่หลายคนมักรู้สึกอายที่จะยอมรับว่าตัวเองมีอาการซึมเศร้า รู้สึกหนักใจและไม่สามารถรับมือกับการเป็นแม่ได้  

ภาพของลูกโป่ง งานเฉลิมฉลองที่รายล้อมด้วยญาติสนิท มิตรสหายในวันที่หนูน้อยถือกำเนิด ถูกอัพโหลดลงบนโซเชียลมีเดีย นั่นเป็นภาพอีกด้านหนึ่งที่คุณแม่บางคนเลือกแสดงออก พวกเขาเก็บความวิตกกังวลเอาไว้หลังกล้อง ให้พ้นจากสายตาคนอื่น คงจะดีถ้าพวกเขายอมรับได้และเยียวยาตัวเองให้หายดี แต่คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าพวกเขาไม่ได้แค่ซ่อนมันไว้จากคนอื่น แต่ยังซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นจากตัวเอง 

คาเรน เคลแมน (Karen Kleiman) ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารของ The Postpartum Stress Center ศูนย์รักษาภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลก่อนและหลังคลอด ให้คำแนะนำว่า พวกเราจำเป็นต้องแก้ไขความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความเป็นแม่ที่เคยได้ยินกันมา และคอยบอกแม่ๆ ว่าพวกเธอไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา แต่เป็นคนธรรมดาที่มีโอกาสทำผิดพลาด และสามารถขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างได้เสมอ 

บางครั้งคนเป็นแม่ก็จำเป็นต้องเห็นแก่ตัวเอง และให้ความสำคัญกับความต้องการของตัวเองมาเป็นอันดับแรก โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด เช่น หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารดีๆ มีเวลาสูดอากาศบริสุทธิ์ ได้ติดต่อกับเพื่อนๆ เพื่อหล่อเลี้ยงให้จิตวิญญาณตัวเองแข็งแรง พร้อมสำหรับการดูแลลูกๆ  

และที่สำคัญคือควรมีใครสักคนเป็นที่พึ่งพิงทางใจ และไม่คาดหวังว่าแม่จะต้องมีความสุขกับการเลี้ยงลูกตลอดเวลา ปล่อยให้คนเป็นแม่แสดงความกังวลได้ บ่นได้ ตั้งคำถามกับลูกน้อยที่เอาแต่ใจบ้างก็ได้  

เมื่อคนเราไม่ได้เป็นแม่กันแค่วันสองวัน แต่กินเวลายาวนานไปทั้งชีวิต จึงไม่ง่ายเลยที่จะจำกัดความคำว่า ‘แม่ที่สมบูรณ์แบบได้’ เมื่อการเรียนรู้คือการลองผิดลองถูกเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า การเลี้ยงลูกเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่อนุญาตให้คนเราเรียนรู้วิธีการเป็นแม่ แบบที่ร้องไห้ได้ ผิดพลาดได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด

อ้างอิง