life

ห่านเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว เพราะมันจะมีคู่เพียงตัวเดียว แม้วันหนึ่งคู่ของมันจะตายจากไป ห่านก็จะครองตัวเป็นโสดไปตลอดกาล 

ในละครรักโรแมนติกบางเรื่องยกให้ห่านเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ ที่เราต้องใช้สัตว์บางชนิดเป็นตัวแทนของความรักในอุดมคติ เพราะเราต่างรู้ว่ามนุษย์ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ทุกคน ถ้าธรรมชาติสร้างให้เรารักเดียวใจเดียว ทำไมบางคนถึงยังนอกใจ และมีความสุขกับการคบใครทีละหลายๆ คน 

การมีคนรักหลายคน (Polyamory) เป็นรูปแบบหนึ่งของความสัมพันธ์ที่คนคนหนึ่งจะรักคนอื่นได้อีกหลายคน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเซ็กส์ แต่หมายถึงไลฟ์สไตล์ที่ทุกฝ่ายยังรักกันดี และพอใจจะให้ทุกคนในความสัมพันธ์ไปรักคนอื่นๆ ได้  

อย่างไรก็ตาม Polyamory ไม่ได้หมายถึง ผู้ชายที่มีหลายภรรยา หรือ  ผู้หญิงที่มีหลายสามี (Polygamy) เพราะในความสัมพันธ์นี้เปิดกว้างให้กับความหลากหลาย ไร้ซึ่งการกดขี่ทางเพศ แหกทุกกฎเกณฑ์ความโรแมนติก ในสนามมีแต่นักรักที่ปลดแอกตัวเองออกจากค่านิยมความรักแบบผัวเดียวเมียเดียว

อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ทุกวันนี้สังคมที่อนุญาตให้มีความรักแบบ คู่สมรสคนเดียว (monogamy) เพียงแบบเดียวมีอยู่ 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 83 เปอร์เซ็นต์เป็นสังคมที่อนุญาตให้มีความรักแบบหลายคู่ทั้งหมด

การรักใครทีละหลายคนไม่ได้เพิ่งถือกำเนิดขึ้นแต่อย่างใด จะว่าเป็นรักแบบเก่าก็ไม่ใช่ แบบใหม่ก็ไม่เชิง อดีตมนุษย์ไม่จำเป็นต้องรักเดียวใจเดียว แต่สังคมสร้างอุดมคติของความรักขึ้นมาภายหลัง และวันนี้คนเราก็พร้อมจะเปลือยเปล่าและปล่อยให้หัวใจรู้สึกรักแบบไร้กฎเกณฑ์อีกครั้ง

คนไม่ใช่ห่าน

เราอาจไม่ได้เกิดมาเพื่อรักคนคนเดียว

“ฉันไม่คิดว่าพวกเราเป็นสัตว์ที่มีคู่รักคนเดียว สัตว์ที่มีคู่ตัวเดียวคือห่าน ซึ่งมันจะไม่จับคู่กันอีกเลย แม้ว่าคู่ของมันจะถูกฆ่าก็ตาม” เปปเปอร์ ชวาร์ตซ์ (Pepper Schwartz) ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิลกล่าว

ห่านเป็นหนึ่งในมีสิ่งมีชีวิตเพียง 3-5 เปอร์เซ็นต์ ที่เกิดมามีความสัมพันธ์กับคู่ตัวเดียว (monogamous) ส่วนธรรมชาติของสัตว์ชนิดอื่นที่มีอยู่ราวๆ 5,000 สปีชีส์ไม่ได้เป็นแบบนั้น สัตว์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์อย่างลิงชิมแปนซีและอุรังอุตังก็ถูกพบว่ามีความสัมพันธ์กับลิงตัวอื่นที่ไม่ใช่คู่ตัวเองด้วยเช่นกัน 

มนุษย์เองก็เป็นแบบนั้น สัญชาติญาณของเราบังคับให้ชายหญิงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเพียงในช่วงเวลาหนึ่งหลังให้กำเนิดลูกน้อย ผู้หญิงจะเป็นคนให้นม ส่วนผู้ชายจะคอยหาอาหารและปกป้องให้รอดจากอันตราย หลังจากที่เด็กเติบโต หน้าที่ของพ่อแม่ก็จบลง สิ่งที่ยึดโยงชายหญิงให้ใช้ชีวิตร่วมกันต่อก็หมดไป

สถาบันครอบครัวและการมีผัวเดียวเมียเดียวเป็นค่านิยมที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากมนุษย์เริ่มถือครองที่ดิน มีทรัพย์สิน มีสังคม การแต่งงานถือกำเนิดขึ้นเพื่อใช้ส่งต่อสมบัติให้ทายาทสืบทอด และเป็นหลักประกันว่าผู้หญิงและลูกจะได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ชายไปตลอดชีวิต ในยุคที่ผู้หญิงไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือและทำงาน ในที่สุดคติที่ว่ามนุษย์ต้องรักเดียวใจเดียวก็กลายเป็นนิยามของความรักโรแมนติกอย่างเต็มรูปแบบในยุควิคตอเรีย ตั้งแต่กลางไปจนถึงปลายศตวรรษที่ 19

เมื่อโลกค่อยๆ เปลี่ยนไปจนมาถึงปัจจุบัน ในสังคมที่ผู้หญิงมั่งคั่งและมีเสรีภาพในชีวิต และผู้ชายไม่จำเป็นต้องสร้างหลักประกันในชีวิตให้ผู้หญิงอีกต่อไป ความสัมพันธ์แบบมีคนรักหลายคนก็ค่อยๆ แพร่หลายขึ้นตามไปด้วย 

รักอย่างไรให้พอใจกันทุกฝ่าย 

การวิจัยพบว่าคนที่มีความสัมพันธ์แบบนี้ มักจะมีความสุขกับการจัดระเบียบความสัมพันธ์ของตัวเองเป็นทุนเดิม มีทักษะในการสื่อสารที่ดี มีความเชื่อใจคนในระดับสูง และมีแนวโน้มจะหึงหวงน้อยกว่าคู่ที่แต่งงาน

ผลการศึกษาระบุว่าการมีคนรักหลายคนจะสร้างความพอใจในความสัมพันธ์และความสุขทางเพศได้สูงไม่ต่างกับคู่แต่งงาน กระนั้น ก็ไม่มีงานวิจัยใดระบุได้ว่าแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน เพราะการรักษาความสัมพันธ์ยังต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย 

ในเมื่อความสัมพันธ์มีรูปแบบหลากหลาย และมนุษย์ก็เป็นสัตว์ที่มีอารมณ์ซับซ้อนยากทำความเข้าใจ การมีคนรักหลายคนจึงไม่ได้หมายความว่าจะยั่งยืนเสมอไป ขณะที่ความรักแบบใจเดียวก็ไม่ใช่จะทำให้ทุกคู่ล้มเหลวเสียทั้งหมด เพราะบางความสัมพันธ์ก็เหมาะกับแค่บางคน และโลกกำลังหมุนวนไปด้วยความหลากหลาย 

อ้างอิง