life

#เซ็กส์ทอยถูกกฎหมาย เป็นแฮชแท็กที่เคยติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยเมื่อไม่นานมานี้

‘ตุ๊กตา – นิศารัตน์ จงวิศาล’ ตัวแทนของกลุ่ม ‘ทำทาง’ ที่ให้คำปรึกษาเรื่องทำแท้งปลอดภัย เธอเป็นคนแรกๆ ที่ออกมาพูดถึงเซ็กส์ทอยอย่างเปิดเผย ราวๆ 4 ปีก่อน บทสัมภาษณ์ของเธอที่เผยแพร่ลงนิตยสารยูงทอง ของคณะวารสารศาสตร์และการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกพูดถึงในวงกว้าง หลังจากนั้นก็เริ่มเกิดปรากฏการณ์เคลื่อนไหวเพื่อเซ็กส์ทอยตามมา

เซ็กส์ทอยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง สิ่งนี้ผิดกฎหมายเพราะอยู่ในหมวดเดียวกับสินค้าอนาจาร แต่สิ่งที่อยู่ข้างใต้ภูเขาลูกนั้นคือการจำกัดสิทธิที่จะมีความสุขทางเพศของผู้หญิง ที่ทำให้การสำเร็จความใคร่เป็นเรื่องผิดบาป 

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอยังคงผลักดันเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ โดยมองว่าเซ็กส์ทอยคือสัญลักษณ์ของการประท้วงว่าผู้หญิงเองก็มีความสุขทางเพศด้วยตัวเองได้ไม่ต่างจากผู้ชาย 

ทำไมคุณถึงสนใจเรื่องเซ็กส์ทอย 

เราสนใจตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ตอนไปต่างประเทศครั้งแรก สิ่งแรกที่ตามหาคือเซ็กส์ช็อป ตอนนั้นอายุแค่ 17 อยากรู้จัก อยากลอง แต่พอตอนโตมาสนใจเรื่องงานรณรงค์ เพราะคิดว่าเซ็กส์ทอยมันไม่ใช่แค่อุปกรณ์ แต่มันคือการประท้วง 

เป็นการประท้วงอย่างไร 

เราขอพูดถึงเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้กับจิ๋มนะ มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้จิ๋มมีความสุข แต่ในสังคมเราไม่ได้มองว่าจิ๋มถูกสร้างมาให้มีความสุขได้เพื่อตัวเอง ในสังคมเราการมีเซ็กส์อาจถูกมองว่าเป็นการทำให้ผู้ชายเสร็จ แต่เซ็กส์ทอยเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่ใช่ ฉันก็มีความสุขได้ ฉันใช้มันเพื่อความสุขของตัวเองได้ ฉันไม่ใช่กระโถนของคุณเพียงฝ่ายเดียว เซ็กส์ทอยคือสัญลักษณ์ในการประท้วงค่านิยมที่มันไม่ยุติธรรมสำหรับผู้หญิง 

มันคือการลดอำนาจในวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ? 

จริงๆ เราไม่ไม่ได้ต้องการจะลดอำนาจของจู๋ลง แต่เราจะบอกว่าเราเองก็มีอำนาจเหมือนกัน 

การเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศสำคัญกับคุณอย่างไร 

ความไม่เท่าเทียมในสังคม มันมีหลายเรื่อง ทั้งชนชั้น สีผิว และเรื่องเพศ แต่ความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในชนชั้นไหน อยู่ในสังคมแบบไหนมันก็เป็นสิ่งที่ติดอยู่กับตัวคุณ เพราะคุณเกิดมามีเพศ ไม่ว่าคุณจะถูกบอกว่าเป็นเพศอะไร หรือคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพศอะไร แต่สังคมจะบอกว่าคุณมีเพศ สิ่งนี้คุณแกะออกไม่ได้ 

เวลาที่เราพูดถึงความเท่าเทียม เรื่องที่เจอในเราทุกคนคือเรื่องเพศ คนอาจมองว่าเฟมินิสต์ สนใจแต่เรื่องจิ๋ม สนใจแต่เรื่องผู้หญิง นั่นก็ใช่ เพราะทุกคนเจอปัญหาเดียวกัน ไม่ว่าจะอยู่ชนชั้นไหนตั้งแต่กษัตริย์ยันกะหรี่ แล้วทำไมเราจะพูดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้ มันก็ต้องพูดสิวะ ถ้าคุณจะมองว่าเป็นเรื่องงี่เง่า ก็ได้ แต่คุณก็เจอความไม่เท่าเทียมเหมือนกันอยู่ดี 

คุณมองสถานะของเซ็กส์ทอยในสังคมไทยอย่างไร 

สถานะของเซ็กส์ทอยในสื่อออฟไลน์ทั่วไปมันอีหลักอีเหลื่อมาก ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ คุณไปเดินสีลมก็จะเห็นแล้วว่ามันมีขาย แต่เราก็ไม่มองกันนะ เหมือนเวลาที่เราเห็นโสเภณียืนเรียงตามริมถนน เราก็ไม่ได้มองเขา นี่คือสถานะที่เกิดขึ้นในสังคม มันเหมือนผีมากเลย เพราะมันอยู่ตรงนั้นมาเสมอ แต่สังคมไม่ได้เปิดให้เรามองเห็นมันจริงๆ แต่ถ้าคุณฟอลโลว์กลุ่มคนในทวิตเตอร์ที่เปิดกว้างมากเลยหรืออยู่ในเอคโค่แชมเบอร์ (echo chamber) ที่กว้างมากๆ สถานะของมันก็เป็นอีกแบบ 

ที่บอกว่า “สังคมไม่ได้เปิดให้เรามองเห็น” หมายความว่าอย่างไร 

สังคมโดยรวมไม่ได้เปิดกว้าง มันไม่ได้ปิดแค่เรื่องเซ็กส์ทอย แต่มันปิดมาตั้งแต่เรื่องเพศศึกษาแล้ว ถ้าเรื่องการมีเซ็กส์ที่ดียังพูดกันไม่ได้ นับประสาอะไรกับเซ็กส์ทอย 

เซ็กส์ทอยผิดกฎหมายคือยอดภูเขาน้ำแข็ง นั่นเป็นปัญหาที่โผล่ขึ้นมา แต่ว่าใต้ภูเขาน้ำแข็งมันคือเรื่องเพศศึกษา มันคืออคติและความเข้าใจผิดต่อการมีเซ็กส์ ไม่ค่อยอยากพูดคำนี้ แต่มันคือวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ที่ทำให้เรื่องเพศมันไม่สามารถเป็นเรื่องทางบวกได้สักที 

 

ตัวแปรสำคัญที่ใหญ่ที่สุดคือรัฐ แต่รัฐดันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุด ดังนั้นเราก็เริ่มเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน 

 

วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ (ปิตาธิปไตย) ทำให้เรื่องเพศเป็นเรื่องติดลบได้อย่างไร 

ถ้าพูดเรื่องเซ็กส์ทอยในวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คือวัฒนธรรมนี้อนุญาตให้ผู้ชายมีความสุขทางเพศได้ ช่วยตัวเองได้ ตีกะหรี่ได้ จู๋มีสิทธิเสรีภาพที่จะทำสิ่งใดก็ได้ มันคืออภิสิทธิ์ และเป็นธรรมดาเมื่อเรามีอภิสิทธิ์แล้วเราใช้มันเพื่อกดขี่คนอื่น ในที่นี้หมายความว่า สำหรับผู้หญิง ถ้าเธอมีเซ็กส์ ถ้าเธอช่วยตัวเองมันจะต้องแย่แน่ๆ เพราะนี่มันเป็นเรื่องของฉัน มันเป็นเรื่องของผู้ชาย การเติบโตมาแบบนี้อาจทำให้มองว่าเรื่องเพศ การมีเซ็กส์ที่มีความสุขมันเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของทุกคน 

ในสังคมที่มีรัฐมนตรีผู้ชาย มีนักกฎหมายผู้ชาย มีผู้ชายเป็นผู้มีอำนาจจำนวนมาก นโยบายต่างๆ รวมถึงการเรียน การสอนเพศศึกษา การพูดคุยกันในสถาบันครอบครัว มันจะถูกกรอบด้วยความคิดนี้ทั้งหมดว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง   

ผู้ชายพูดผ่านสถาบันครอบครัวและสถาบันการศึกษาว่าร่างกายของเราต้องปกปิด ต้องสงวนไว้ ต้องเก็บต้องซ่อน ต้องนั่งหนีบขา เราถูกสอนมาแบบนี้ มันก็คงไม่แปลกที่เราจะไม่กล้าแม้กระทั่งจะสำรวจร่างกายตัวเอง 

เรื่องเพศเลยกลายเป็นเรื่องน่ารังเกียจ เป็นเรื่องบาป ลองมองแค่ตัวเราเองนะ ตอนที่เราเป็นเด็กแล้วจะช่วยตัวเองครั้งแรกหรือเอากระจกมาส่องจิ๋มดูเป็นครั้งแรก เราอาจรู้สึกอาย แค่เอากระจกส่องดูจิ๋มตัวเองหรือเอามือไปสำรวจเรายังรู้สึกละอายเลย อาจจะมีคนที่ไม่ได้รู้สึก แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ยังรู้สึกแบบนี้ 

เราจะเปลี่ยนความคิดนี้ได้อย่างไรบ้าง 

เปลี่ยนได้ต้องปฏิวัติ ในสถาบันต่างๆ มันมีคนจำนวนมากที่เป็นเฟมินิสต์โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิง อย่างสถาบันการเมือง ก็มีนักการเมืองที่เป็นเฟมินิสต์นะ เราไม่แน่ใจว่าเขาผลักดันอะไรสำเร็จไปบ้างหรือยัง แต่เรามองเห็นความพยายามที่จะผลักดันนโยบายที่สนับสนุนให้ลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ สนับสนุนความเท่าเทียมระหว่างเพศ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงระดับนโยบาย 

ส่วนในระดับสังคม เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าโซเชียลมีเดียมีผลอย่างมากที่จะทำให้แมสมีเดียปรับตัว เราเปลี่ยนได้ตั้งแต่การพูดคุยกันในระดับบุคคล เราพูดกับคุณ คุณพูดกับคนในทวิตเตอร์ คุณพูดกับคนในเฟซบุ๊ก 

ซีรีย์วายเรื่องหนึ่งมีเนื้อหาเหยียดเพศ กระแสในทวิตเตอร์ก็ทำให้เขาต้องหยุดแล้วปรับ สังคมเปลี่ยนได้โดยที่เราต้องค่อยๆ ไปด้วยกัน มันอาจยังไม่ได้เปลี่ยนภายในระยะเวลาไม่กี่ปี เพราะสังคมชายเป็นใหญ่มันไม่ใช่แค่ว่าเปลี่ยนนายกแล้วจบ แต่มันคือการเปลี่ยนโลก 

รัฐบาลที่ดีจะมองว่าการมีสุขภาวะทางเพศที่ดีก็ไม่ต่างอะไรกับการมีน้ำสะอาดดื่ม 

นอกจากในระดับนักการเมือง ระดับส่วนบุคคลในโซเชียลมีเดีย ระดับการศึกษาที่โรงเรียนหรือในครอบครัวแล้ว หากเรามีองค์ความรู้ในเรื่องเพศทางบวกที่ถูกเผยแพร่โดยรัฐหรือโดยกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นสิ่งที่ช่วยปลดพันธนาการให้ผู้หญิงยอมรับร่างกายตัวเองได้ เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้เพศศึกษาทางบวกได้ ทั้งหมดมันจะเปลี่ยนตาม สถาบันครอบครัวและโรงเรียนจะเปลี่ยนไป ตัวแปรสำคัญที่ใหญ่ที่สุดคือรัฐ แต่รัฐดันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยากที่สุด ดังนั้นเราก็เริ่มเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน 

รัฐบาลที่ดีจะช่วยให้เซ็กส์ทอยถูกกฎหมายได้อย่างไร 

รัฐบาลที่ดีจะช่วยให้สิ่งนี้ถูกกฎหมายได้ มันต้องเริ่มจากรัฐบาลต้องปรับความคิดของตัวเองก่อนว่าเรื่องเพศต้องพูดถึงได้ คุณต้องพูดเรื่องนี้ในสภาได้เพราะมันเป็นเรื่องสุขภาวะ 

คนเรามีสุขภาวะ ด้าน เรื่องเพศก็เป็นหนึ่งในนั้น รัฐเลือกที่จะมองแค่สุขภาวะด้านอื่นๆ แต่ไม่ได้มองเรื่องเพศอย่างเท่ากัน ถ้าคุณมองเห็นความจำเป็นของสุขภาวะทางเพศคุณจะพูดเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผย รัฐบาลที่ดีจะต้องเอาความสุขของประชาชนมาเป็นที่ตั้ง สุขอนามัยของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลที่ดีจะมองว่าการมีสุขภาวะทางเพศที่ดีก็ไม่ต่างอะไรกับการมีน้ำสะอาดดื่ม 

เซ็กส์ทอยจำเป็นอย่างไร 

เซ็กส์ทอยมันเป็นรสนิยม มันไม่ได้ช่วยให้โลกสวยงามขึ้นอะไรนักหนา แต่มันทำให้คนมีความสุข มันคือการประท้วงของผู้หญิงเพื่อเรียกร้องว่าฉันก็มีสิทธิ์ถึงจุดสุดยอดได้อย่างสะดวกไม่ต่างจากผู้ชาย 

จริงๆ แล้วเป็นอุปกรณ์ที่ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ตาย มันไม่ใช่ปัจจัย สำหรับทุกคนแต่ว่าสำหรับบางคนมันก็จำเป็นต้องใช้ คุณไม่เห็นว่าสำคัญก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับฉันมันสำคัญ สำหรับคนที่ต้องใช้มันสำคัญ ถ้าเปรียบเป็นรถหรู ถ้าคุณไม่ได้ใช้ก็ไม่ตายหรอก แต่มันสำคัญสำหรับคุณ เหมือนกัน เราไม่ใช้เซ็กส์ทอย เราก็ไม่ตาย แต่มันสำคัญสำหรับเรา คุณไปห้ามคนข้างบ้านไม่ให้เขาขับรถหรูได้ไหมล่ะ ก็ไม่ใช่ไหม (หัวเราะ) 

เรากระดากใจมาตลอดเวลาที่ต้องไปออกรายการต่างๆ แล้วต้องพูดว่าประโยชน์ของเซ็กส์ทอยคือช่วยลดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำให้สามีไม่นอกใจ ช่วยลดอาชญากรรมได้ ช่วยนู่น ช่วยนี่ จริงๆ มันกระดากมากแต่มันก็ต้องพูด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย 

ความจริงเรารู้อยู่แก่ใจว่าเซ็กส์ทอย คนที่ใช้เซ็กส์ทอย กับคนที่ก่ออาชญากรรมมันไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกันเลย หมายความว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้คนคนหนึ่งเลือกจะข่มขืน โยนจิ๋มกระป๋องให้มัน มันก็ไม่เอาหรอก

ทำไมเซ็กส์ทอยถึงผิดกฎหมายในประเทศไทย 

ต้องบอกว่ามันไม่เคยผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่เคยถูกกฎหมาย เพราะมันไม่เคยมีกฎหมายระบุชัดเจนว่าเซ็กส์ทอยเป็นสิ่งผิด พอไม่มีกฎหมายระบุชัดๆ ก็เลยผิดตั้งแต่มันไม่ถูกมองเห็น มีความอิหลักอิเหลื่อ จะผิดก็ได้ ไม่ผิดก็ได้ 

มันแล้วแต่การบังคับใช้กฎหมาย เขาใช้มาตรา 287 ในการจับ มันคือกฎหมายลามกอนาจาร เซ็กส์ทอยจะถูกนับเป็นวัตถุอนาจาร เหมือนหนังโป๊ ความจริงเขาจะไม่นับก็ได้ เพราะมันไม่เคยมีตัวตนในกฎหมายไทยอยู่แล้ว เพียงแต่มันเคยมีคำพิพากษาที่ตัดสินว่าการขายเซ็กส์ทอยเป็นเรื่องผิด ถ้าเราเอาตรงนั้นเป็นแม่แบบมันก็มีความผิดได้ 

คิดว่าอะไรทำให้กฎหมายเป็นแบบนี้ 

กฎหมายฉบับนี้เขียนขึ้นในยุคสร้างชาติ ตอนนั้นเราเริ่มมีกฎหมายจัดระเบียบประเทศขึ้นมาเพื่อบอกว่าเรากำลังจะเป็นประเทศศิวิไลซ์ กฎหมายโสเภณีก็เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกัน มาตรา 287 ก็ออกมาเพื่อควบคุมไม่ให้มีรูปโป๊ รูปอนาจารแปะอยู่หน้าร้านรวงต่างๆ หรือประมาณว่าไม่ให้มีสิวลึงค์ตั้งอยู่กลางถนน นี่คือจุดมุ่งหมายของกฎหมายฉบับนี้ 

ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เซ็กส์ทอยไม่ถูกกฎหมาย คุณคิดว่าการเป็นเมืองพุทธมีส่วนเกี่ยวข้องไหม 

ตัวศาสนาเองไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าตัวผู้ใช้ศาสนาต่างหากที่มีปัญหา อาจมีผู้สอนศาสนาบางคนที่ตีความศาสนาไปในแบบที่เขาเชื่อ จนทำให้เกิดเป็นความบาป จริงๆ แล้วไม่มีศาสนาไหนในโลกที่ห้ามฆราวาสมีเซ็กส์ 

คิดว่าศาสนามันส่งผลกับการที่เซ็กส์ทอยผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยอาจมีคนบอกว่าการช่วยตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้บาป แต่ว่าทำให้จิตใจขุ่นมัว ทำมากๆ เข้าก็จะยิ่งขุ่นมาก คิดอะไรไม่ออกกลายเป็นใจหมอง ต้องวางไว้แล้วไปเตะบอล สวดมนต์ ทำอย่างอื่น มันยังมีคนที่เอาศาสนามาสอนแบบนี้ ศาสนาส่งผลเยอะมาก พอผู้สอนศาสนาในไทยเชื่อแบบนี้ โรงเรียนไทยก็เป็นโรงเรียนพุทธ แล้วมันจะเป็นอย่างไรไปได้ ก็เป็นแบบที่เห็นทุกวันนี้ไง 

คุณเคยติดอยู่ในกรอบคำสอนที่เชื่อว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องผิดไหม 

เคยสิ ครั้งแรกที่ส่องกระจกดูจิ๋มตัวเองยังตื่นเต้นมากเพราะเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 

คุณก้าวผ่านจุดที่รู้สึกผิดมาได้อย่างไร 

เรื่องของเรอาจไม่ใช่เรื่องที่เหมือนชาวบ้านเขามากนัก ตุ๊กตาถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่หัวโบราณมาก ปิดกั้นมาก คุณพ่อเป็นคนจีนที่ดุมาก ตอนม.ต้นถ้ากลับถึงบ้านเลยหกโมงเย็นคือบ้านแตก เขาไม่ได้พูดตรงๆ แต่เรารับรู้ได้ว่าเขาไม่อยากให้เรารู้เรื่องเพศ 

เราไม่มีอำนาจ เราทำอะไรเขาไม่ได้ เราก็ประท้วงอยู่ในห้องนอนตัวเอง ตอนนั้นเราไม่ได้อยากมีแฟน ก็เลยประท้วงโดยการทำความรู้จักร่างกายตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก บอกให้ฉันสงวนไว้ ดังนั้นฉันจะเปิดมันออกมาดูว่ามันเป็นอย่างไร เราประท้วงด้วยการช่วยตัวเอง เลยไม่ได้ข้ามผ่านความรู้สึกอะไรเลย เราช่วยตัวเองครั้งแรก เราดูจิ๋มตัวเองครั้งแรกมันก็รู้สึกผิดบาป รู้สึกกลัว รู้สึกกังวลเป็นปกติ ครั้งแรกที่เราซื้อเซ็กส์ทอย เรารู้สึกว่ากำลังทำผิดอยู่เสมอ แต่สุดท้ายก็ทำอยู่ดี เพราะฉันต้องการประท้วง  ผู้หญิงคนอื่นอาจไม่ได้มีสเต็ปเดียวกับเรา เพราะเขาอาจจะไม่ใช่คนที่ชอบประท้วงที่บ้านอย่างตุ๊กตามาตั้งแต่ต้น 

แล้วความสุขเริ่มตั้งแต่การประท้วงเลยหรือเปล่า 

ก็มีความสุขตั้งแต่ประท้วงครั้งแรกนั่นแหละ (หัวเราะ) เรามีความสุขมากจนงงว่าจะห้ามเราทำไม เราโชคดีนะที่อยู่ในสื่อที่มีอะไรต่างๆ นานา ที่ทำให้เราหาเครื่องมือที่พาเราออกไปจากหลุมนี้ได้ด้วยตัวเอง

เซ็กส์ทอยมันเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ภายใต้ของการทำแท้งถูกกฎหมาย ภายใต้เซ็กส์ทอยถูกกฎหมายมันคือการมองเห็นสังคมเท่าเทียมเรื่องเพศอย่างแท้จริง

ถ้าวันหนึ่งเซ็กส์ทอยมีเสรีภาพ ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป คุณคิดว่าเรายังควรจำกัดขอบเขตในด้านใดบ้าง 

มี อย่างที่คิดว่าสำคัญ จากที่เราไปดูบ้านอื่นเมืองอื่น หลายๆ ประเทศ เซ็กส์ช็อปจะถูกปิดไว้ประมาณหนึ่ง จะไม่มีโชว์หน้าร้าน สามารถจูงลูกเดินผ่านได้โดยที่ลูกจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร นอกจากคำว่า Adult Shop อันนี้เราเห็นด้วย เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกสบายใจที่จะมองสิ่งนี้ เราก็ต้องให้เกียรติกัน คนไม่อยากเห็นเราก็ไม่โชว์ แต่เรารู้ว่ามีร้านอยู่ แบบนี้ดีกว่า 

อีกด้านคือเรื่องอายุ อายุมันเชื่อมโยงกับกฎหมายความยินยอม (consent) ตามกฎหมายแล้วการมีเซ็กส์ต้องได้รับความยินยอม และจะเกิดขึ้นได้หลังอายุ 15 หรือ 18 ปีเป็นต้นไป วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปีถือว่าเป็นผู้เยาว์ เขาไม่สามารถยินยอมในการมีเซ็กส์ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว กฎหมายให้คุณยินยอมได้เมื่ออายุ 18 ปี ถ้าอย่างนั้นก็ยึดเอารงนั้น เรายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนกฎหมายอะไรในจุดนี้ จริงๆ เรื่องอายุไม่น่าจะมีปัญหาร้ายแรงอะไร เราเลยให้ความสำคัญกับประเด็นแรกมากกว่า ไม่ใช่ว่าเรารังเกียจเซ็กส์ทอย แต่เรารู้ว่ามันมีคนที่ไม่อยากเห็น 

อยากเห็นอนาคตเรื่องเพศในประเทศไทยเป็นแบบไหน 

เราทำงานเรื่องทำแท้ง สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดคงเป็นการเข้าถึงบริการอนามัยที่ดีและถูกกฎหมาย มันจะไม่ใช่แค่เรื่องทำแท้ง แต่รวมถึงการคุมกำเนิดและเรื่องอื่นๆ ด้วย เราจะต้องเข้าถึงได้ง่ายและไม่มีการตีตรา เซ็กส์ทอยมันเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ภายใต้ของการทำแท้งถูกกฎหมาย ภายใต้เซ็กส์ทอยถูกกฎหมายมันคือการมองเห็นสังคมเท่าเทียมเรื่องเพศอย่างแท้จริง 

อยากเห็นสังคมที่มีความเท่าเทียมทางเพศ ที่สังคมที่ทุกเพศเลือกได้เท่ากัน สังคมที่เรามีสิทธิ์เลือกใช้ชีวิตของเราได้ มีสิทธิ์ที่จะท้อง จะแท้ง หรือมีความสุขจิ๋มตัวเองได้