life

ท่านมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน (ตอบเฉพาะชาย)’  

ข้อความข้างต้นเป็นคำถามที่ระบุอยู่ในใบคัดกรองก่อนการบริจาคเลือดของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย โดยมีคำอธิบายอยู่ในเว็บไซต์ขององค์กรเพียงสั้นๆ ว่า ‘จากหลักฐานทางการแพทย์จนถึงปัจจุบันยังยืนยันว่าชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (men who have sex with men, MSM) มีสถิติการติดเชื้อเอชไอวี มากกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ 

นโยบายดังกล่าวถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 เมื่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA :Food and Drug Administration) ได้ออกกฎห้ามกลุ่มชายรักชาย หรือชายที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายด้วยกัน (MSM : Men have sex with men) บริจาคเลือด โดยระบุว่าพวกเขาเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และโรคอื่นๆ ที่ติดต่อได้ทางเลือด 

จากในปีแรกๆ ที่ห้ามชายที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายบริจาคเลือดตลอดชีวิต ภายหลังมีการยกเว้นให้กลุ่มชายรักชายและไบเซ็กชวลสามารถบริจาคเลือดได้ โดยต้องรอเป็นระยะเวลา ปี นับตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 

นั่นทำให้มีการตั้งคำถามถึงความเท่าเทียมและสิทธิของผู้บริจาคที่เป็นชายรักชายมาเสมอ เพราะแม้สภากาชาดจะให้เหตุว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริจาค แต่เมื่อวิทยาการทางการแพทย์พัฒนาขึ้น ความสามารถในการคัดกรองผู้ติดเชื้อแม่นยำขึ้น องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ เองก็เผยว่าความเสี่ยงของการติดเชื้อในการถ่ายเลือดมีเพียง ใน ล้านครั้งเท่านั้น 

เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้เลือดขาดแคลนอย่างหนัก กฎข้อนี้จึงถูกยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อเปิดให้กลุ่มชายรักชายและไบเซ็กชวลสามารถบริจาคเลือดได้ง่ายขึ้น 

เช่นเมื่อ เมษายน 2020 ที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศลดระยะเวลารอบริจาคเลือดจากเดิม ปี เหลือเพียง เดือน ในขณะเดียวกันก็ออกแบบชุดคำถามคัดกรองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยที่คำถามชุดนั้นจะไม่ละเมิดสิทธิในการบริจาคเลือดของกลุ่มชายรักชายและไบเซ็กชวลโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังคัดกรองผู้บริจาคที่เป็นโรคได้แม่นยำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ 

 

อ้างอิง 

  • Tom Dart.Gay blood donors denied under 1980s policy that has been slow to change.https://bit.ly/2MZZWmh 
  • ศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทย.คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต.https://bit.ly/3i5eWKN