life

ของชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเลือกเก็บรักษาไว้ ตั้งใจทิ้ง หรือทำหายไประหว่างเติบโต ทุกผลลัพธ์ล้วนมีเรื่องราวและเหตุผลเบื้องหลังเสมอ

เช่นเดียวกับสิ่งของในวัยเด็ก ลองนึกย้อนกลับไป คุณจำได้ไหมว่า ตัวเองมีตุ๊กตาตัวโปรด ผืนผ้านุ่มนิ่ม หรือหมอนใบเล็กที่เอาไว้กอดคู่กายหรือเปล่า

หากมี ของเหล่านี้มักจะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณในช่วงเวลานั้น โดยไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ กระทั่งเติบโตขึ้นจนผ่านพ้นวัยเด็ก ของชิ้นเดียวกันซึ่งคุณไม่เคยทิ้งให้ห่างไกลตัว กลับคลายความสำคัญลง กลายเป็นเพียงหมอนเน่าๆ และตุ๊กตาเก่าๆ ที่ไม่น่าเหลียวแล

คงไม่ใช่สำหรับทุกคนที่จะมองเห็นสิ่งของซึ่งพวกเขาเคยรู้สึกผูกพันด้วยสายตาไม่ใยดี สำหรับบางคน ถึงแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่หมอนเน่าและตุ๊กตาเก่าในวันวาน ยังคงเป็นของมีค่าไม่เปลี่ยนแปลง เสมือนส่วนเสี้ยวของความทรงจำและสิ่งแทนความอบอุ่นใจในวัยเด็ก ดังนั้น ไม่ว่าจะมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ เขาจะเก็บของเหล่านี้ไว้ใกล้ตัวตลอด บางคนพาไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้ง หรือตั้งชื่อให้ก็มี แล้วทำไมผู้ใหญ่บางคนถึงติดหมอนเน่าและตุ๊กตาเก่าในวัยเด็กอยู่

เพื่อตอบคำถามนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า ธรรมชาติของมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิด ทุกคนล้วนต้องการการเลี้ยงดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะช่วยให้เรารอดชีวิตและเติบโตขึ้น อ้อมกอดและสัมผัสอ่อนโยนจากแม่หรือคนที่คอยเลี้ยงดู จึงเป็นวิธีสื่อสารให้ทารกรับรู้ได้ถึงความรักและความอบอุ่น ขณะเดียวกันความรู้สึกเหล่านี้จะช่วยทำให้ใจของเด็กมั่นคง ปลอดภัย และไว้วางใจผู้ดูแลไปด้วย

แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ในความเป็นจริง คนเป็นแม่ไม่สามารถอุ้มหรือกอดลูกได้ทุกเวลา ช่วงที่ห่างกัน เด็กจึงจำเป็นต้องมีสิ่งแทนเอาไว้ชดเชยความอ่อนโยนของแม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตุ๊กตา หมอน หรือผืนผ้าที่ให้สัมผัสอ่อนนุ่มคล้ายสัมผัสจากแม่

ทางจิตวิทยาเรียกสิ่งของนี้ว่า security blanket หรือ transitional object เพราะทำหน้าที่เปลี่ยนผ่านความรู้สึก และช่วยสร้างความสบายใจเมื่อได้ครอบครอง นอกจากนี้ความสำคัญของตุ๊กตา คือทำหน้าที่เป็น self-soothe เมื่อเด็กเศร้าเสียใจ เขาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะมีตุ๊กตาตัวโปรดเป็นเพื่อนคอยปลอบใจ คล้ายกับช่วยเยียวยาใจของเขาให้มีความสุขอีกครั้ง

โดยทั่วไป เด็กจะเริ่มอยู่กับตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตุ๊กตาใดๆ อีก เมื่อถึงวัยเข้าเรียน เพราะเด็กจะทำความรู้จักกับคนในวัยเดียวกันเพื่อสร้างมิตรภาพจนมีเพื่อนจริงๆ ทำให้เขาเลิกสนใจหมอนเน่า ตุ๊กตาเก่า รวมถึงลืมเพื่อนในจิตนาการได้ในที่สุด

ส่วนผู้ใหญ่ที่ยังติดหมอนเน่าหรือตุ๊กตาเก่าอยู่ ไม่นับเป็นความผิดปกติหรือเรื่องน่ากังวลใจแต่อย่างใด หากรู้ตัวว่ามีสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่อเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ และเป็นของที่ระลึกถึงวัยเด็ก ของชิ้นเดียวกันจากช่วงชีวิตเยาว์วัยจึงกลายเป็น comfort object ในวัยผู้ใหญ่

Travelodge กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เปิดให้บริการในหลายประเทศทั่วโลกได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในปี 2011 ว่า คนอังกฤษประมาณร้อยละ 35 ต้องกอดตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ที่นำติดตัวมาด้วยก่อนนอน เพราะช่วยให้ใจของพวกเขาสงบลงและรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน

ในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนยุคมิลเลนเนียล (Millennials) หรือผู้ที่เกิดในช่วงปี 1980-2000 ก็มีแนวโน้มยึดติดกับ comfort object มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการสร้างบรรยากาศที่พักอาศัยต่างถิ่นให้กลายเป็นบ้าน ตั้งแต่วัยเรียนซึ่งต้องอยู่หอพักในมหาวิทยาลัย และวัยทำงานซึ่งมีโอกาสเดินทางไปทำงานต่างที่ พวกเขามักจะพกของบางอย่างมาด้วย เช่น ตุ๊กตาเน่า

ตุ๊กตาเก่าตัวโปรดสำหรับผู้ใหญ่ จึงเป็นสิ่งแทนใจที่ผูกพันอยู่กับความรู้สึกมั่นคงและช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุด เป็นความตั้งใจเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุด หมายความว่า ต่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากแค่ไหน หากของชิ้นนั้นไม่เสื่อมสลายไปตามเวลา ก็ไม่เคยตัดใจทิ้งไปได้ลง

 

อ้างอิง