life

รู้หรือไม่ ตลอดทั้งปี 2565 นี้ คนไทยซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV มาใช้มากกว่า 14,000 คัน หรือเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 156%!

เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาจดทะเบียนระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ลงถึง 80% เป็นระยะเวลา 1 ปีหลังจดทะเบียน

ซึ่งก็หมายความว่า จากเดิมมีการจัดเก็บภาษีประจำปีรถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 1,600 บาท ก็จะเหลือเพียง 320 บาท เช่นเดียวกับรถตู้ส่วนบุคคลพลังงานไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เสียภาษีถูกลงหลายเท่าตัวเช่นกัน (**การลดการจัดเก็บภาษีครั้งนี้จะลดเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่รถจดทะเบียน)

ส่วนอีกเหตุผลที่มีส่วนในการตัดสินใจของผู้บริโภคมากไม่แพ้การเสียภาษีราคาย่อมเยา ก็เพราะรถ EV ใช้งานง่ายและดูแลง่ายกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป (หรือแบบที่ต้องเติมน้ำมัน) ขับรถ EV แค่ต้องหมั่นชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มไว้เสมอ ตรวจเช็คลมยาง ระบบเบรก น้ำฉีดกระจก และระบบปรับอากาศเท่านั้น ไม่ต้องเช็คน้ำมันเครื่อง เกียร์ กรองอากาศ ฯลฯ เหมือนอย่างรถยนต์ปกติที่ยังใช้กันอย่างแพร่หลาย

หลายคนคงเริ่มอยากเป็นเจ้าของรถ EV บ้างสักคัน ดังนั้น จึงมีข้อควรรู้ก่อนมองหารถยนต์ EV รุ่นที่ถูกใจมาไว้ใช้งานกันแบบยาวๆ เพื่อถนอมโลกของเราไปในตัว

1.

อ่านไลฟ์สไตล์ตัวเองให้ขาด

ev car

รถ EV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นจึงต้องชาร์จไฟเป็นประจำทุกวัน โดยเมื่อถึงบ้านปุ๊บ ควรเสียบชาร์จแบตทันทีเพื่อให้รถมีพลังงานเต็ม 100%

ดังนั้น รถ EV จึงเหมาะกับคนที่มีตารางการใช้ชีวิตใน 1 สัปดาห์เหมือนเดิมเกิน 70% หมายความว่า เป็นคนที่ขับรถไป-กลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานในระยะทางเท่าๆ เดิมเกือบทั้งสัปดาห์

รถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางไกลบ่อย หรือไปในเส้นทางใหม่ๆ ที่ไม่แน่ใจว่ามีจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ เพราะ ณ ปัจจุบันจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบ DC Fastcharge ยังครอบคลุมแค่เส้นทางสายหลักระหว่างหัวเมือง แต่ยังไม่กระจายไปสู่เส้นทางสายรองหรืออำเภอเล็กๆ

2.

เตรียมที่ชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน

ev car

เนื่องจากสถานีชาร์จในเมืองไทยยังไม่ครอบคลุม หรือบางสถานีอาจไม่มีหัวชาร์จที่ใช้ได้กับรถ EV ที่คุณใช้อยู่ เพราะมาตรฐานหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อความสะดวกและมั่นใจจึงควรติดตั้งที่ชาร์จไฟที่บ้าน 

ปัจจุบัน บ้านส่วนใหญ่ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าแบบ 15(45)A แบบ 1 เฟส 2 สาย ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ 3300(9900) วัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

แต่ถ้าบ้านของคุณใช้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบ 5(15)A ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพียง 1,100(3,300) วัตต์ ต้องเปลี่ยนเป็นขนาด 15(45) ขึ้นไป หรือถ้าเป็น 30(100) ได้ยิ่งดี

นอกจากนี้ ควรเพิ่ม Circuit Breaker อีก 1 ช่องในตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) เพื่อแยกการใช้งานระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ในบ้าน และต้องเตรียมเต้ารับ (EV Socket) เพื่อเสียบชาร์จรถให้สอดคล้องกับปลั๊กของรถยนต์ในแต่ละรุ่น

ทั้งนี้ ควรติดตั้งอุปกรณ์โดยช่างไฟฟ้าผู้ชำนาญการเท่านั้น หรือปรึกษากับการไฟฟ้าได้โดยตรง ทั้งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โทร. 1130 และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โทร. 1129

3.

ต้องรู้ความจุของแบตเตอรี่

ev car

ความจุของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีผลโดยตรงกับระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้า 100% หรือที่เรียกว่าแบบ BEV (Battery Electric Vehicle) ถ้าใช้แบตเตอรี่ความจุ 60-90 kW จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 338-473 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 

หากคุณขับรถวันละประมาณ 100 กม. สามารถเลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใดก็ได้ที่มีความจุแบตเตอรี่ขนาดมาตรฐาน แต่ถ้าต้องขับขี่ทางไกลเป็นประจำ ควรเลือกรุ่นที่แบตเตอรี่มีความจุสูงมากขึ้น (แน่นอนว่าราคาของรถก็จะสูงขึ้นตามขนาดความจุของแบตเตอรี่เช่นกัน)

4.

ชาร์จไฟกี่นาทีถึงจะเต็ม

ev car

จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับการเติมน้ำมันตามปั้มน้ำมันที่ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็เติมน้ำมันได้เต็มถัง แต่หากเป็นการจอดชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ถึงจะได้พลังงานสำหรับขับขี่ราว 80% (แล้วแต่รุ่นของรถยนต์)

ทั้งนี้ รถ EV แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอร์รี่เต็มไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการชาร์จและขนาดความจุของแบตเตอรี่ เช่น การชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟบ้านเป็นกระแสสลับ (AC) ใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 12-16 ชม. ชาร์จแบบรวดเร็วจากตู้ไฟฟ้า EV Charger ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชม. และชาร์จแบบด่วนตามสถานีชาร์จนอกบ้านที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที

5.

เลือกแบรนด์ที่มีศูนย์บริการ

ev car

การรับประกันระบบไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้า ผู้จำหน่ายรถยนต์ส่วนใหญ่มักให้การรับประกันที่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. ขึ้นไป (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ถ้าเลือกเจ้าที่รับประกันนานกว่านั้นได้จึงยิ่งดี

และควรเลือกรถ EV ยี่ห้อที่มีศูนย์บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน เพื่อการช่วยเหลือเวลารถเกิดมีปัญหา เนื่องจากรถ EV ไม่สามารถซ่อมนอกศูนย์บริการได้

อ้างอิง

  • Paknam536.5 วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสม ก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้งาน.https://bit.ly/3ViSrog
  • Paknam536.ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ไฟฟ้า EV กับเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้.https://bit.ly/3VfHbci
  • Scb.6 ข้อควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV.https://bit.ly/3TYVFw7