pe©ple

ถ้าพูดถึง แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น หรือ ‘แก้ม The Star’ ที่หลายคนเรียกจนติดปาก

ภาพจำที่ผุดขึ้นมาตอนนี้ของทุกคน น่าจะเป็นภาพของนักร้องสาวเสียงดีแถวหน้า หลายคนเรียกเธอว่า Young Diva บางคนให้ฉายาว่า บียอนเซ่เมืองไทย

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา แก้มมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง ซึ่งสำหรับอาชีพนักร้อง นี่คือสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะไปถึง โดยเฉพาะในยุคนี้ ต้องบอกว่าน้อยจนนับนิ้วได้

ความสำเร็จในวันนี้ของแก้ม เกิดมาจากอะไร

เพราะเมื่อลองย้อนนึกภาพตลอด 10 ปีที่ผ่านมาบนถนนสายบันเทิง แก้มไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่เรียกว่าดังเป็นพลุแตก

เส้นทางของแก้มนั้นจะบอกว่าราบเรียบก็คงได้ แต่เป็นทางเรียบที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นสู่ที่สูงอย่างมั่นคง

common มีโอกาสพูดคุยกับแก้มในวันว่าง ที่มีเพียงไม่กี่วันต่อเดือน

การพูดคุยของเรา เต็มไปด้วยพลังงานด้านบวก ที่ออกมาจากตัวตนของแก้ม

และหลังจากจบบทสนทนาในวันนั้น ทุกอย่างสิ้นข้อสงสัย ว่าแก้มเดินมาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร

  

“แก้มเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลยค่ะ”

นี่คือคำอธิบายถึงบุคลิกตัวเองของแก้ม ที่ทำให้เราแปลกใจ เพราะภาพที่เห็นจากทุกการแสดงของแก้มช่างห่างไกลจากคำว่า “ไม่มั่นใจ”

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

บนเวทีจะเหมือนองค์ลงค่ะ แก้มไม่เคยกลัวเลย อาจจะเป็นเพราะเวลาเราอยู่บนนั้นเป้าหมายของเราชัดเจน ชัดจนลืมทุกเรื่อง ก็จะใส่เต็มที่ แต่พอลงเวทีแล้ว แก้มก็คือแก้มค่ะ ที่เป็นแค่คนธรรมดา คือบนเวทีเราให้คนอื่นเต็มที่แล้ว พอลงมาข้างล่างก็อยากได้การซัพพอร์ตจากคนรอบข้าง แก้มก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน คือจะชอบถามคนรอบข้างตลอดว่าอันนี้ดีรึยัง คือไม่ใช่ว่าไม่สามารถตัดสินใจเองได้ แต่จะมั่นใจกว่าถ้าคนรอบข้างช่วยยืนยันว่าดี จริงๆ ก็รู้ตัวนะคะว่าเป็นข้อเสีย พยายามลดลงให้ได้ ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นนะคะ แต่จะให้หมดไปเลยก็ยากอ่ะค่ะ 

ความไม่มั่นใจตรงนี้ มันเกิดมาจากอะไร

มาจากตอนเด็กๆ แก้มอยู่กับแม่ตลอด แล้วแม่แก้มก็เป็นผู้หญิงที่สตรองมาก มากจนเราเอาแม่เป็นที่พึ่งทุกเรื่อง ขนาดจะกินอะไรแก้มยังให้แม่เลือกเลย จะไปประกวดร้องเพลงแต่ละครั้งก็ต้องถามแม่ ถ้าแม่บอกว่าควรไปนะ แก้มก็จะไป ทั้งๆ ที่ในใจคือขี้เกียจจัง อยากนอนดูละคร (หัวเราะ) เรียกว่าแทบไม่เคยต้องตัดสินใจเอง แต่ตอนนี้บางเรื่องแก้มก็ตัดสินใจได้เอง แต่บางเรื่องก็ยังต้องให้แม่ช่วยอยู่

ฟังดูเหมือนแม่เป็นทุกอย่างของแก้มเลย

เรียกว่าแม่คือไอดอลของแก้มเลยค่ะ แก้มขอแค่ได้สักเสี้ยวนึงของแม่มาก็ยังดี แต่มันไม่ได้อ่ะพี่ แม่แก้มเป็นคนมั่นใจมาก ญาดายืนหนึ่งจริงๆ ตัดสินใจอะไรเด็ดขาด เป็นหญิงแกร่งที่ไม่มีใครเหมือน ที่ผ่านมาแม่คือเพื่อนคู่คิดและกำลังสำคัญของแก้มเลยค่ะ

คุณแม่ญาดา

แสดงว่าที่มาประกวด The Star แม่ก็ต้องมีส่วนผลักดัน

แน่นอนค่ะ ลำพังตัวแก้มเองตอนนั้นคิดแค่ว่าอยากเจอพี่โจ้ พี่ม้า พี่เพชร แล้วเค้ามาถึงภูเก็ตเลยนะ เราไม่ไปไม่ได้ ไม่ได้คิดไกลเลยค่ะ แต่ปรากฏว่ามันไปไกลกว่าที่เราคิดเยอะเลย มารู้ตัวอีกทีคือ เฮ้ย! ทำไงดีอ่ะ ฉันอ้วนออกทีวีเลยนะ คือตอนนั้นความคิดเราเด็กจริงๆ

แล้วพอได้เข้ารอบลึกๆ แก้มคิดมั้ยว่าเราจะชนะ

ไม่กล้าคิดค่ะ แต่มันก็มีความหวังนะ เพราะเรารู้ว่ามีคนเชียร์เรา คนรอบข้างก็ให้กำลังใจตลอด แต่ตัวแก้มเองคิดแค่ว่าทำโชว์ให้ดีที่สุด ซึ่งแค่นี้ก็ยากแล้วนะ สำหรับแก้มในตอนนั้น

แต่สุดท้ายแก้มก็ชนะ หลังจากนั้นเราคิดถึงเส้นทางสายนักร้องของเราแค่ไหน มันเคยมีภาพมั้ยว่าวันหนึ่งเราจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง

แค่คิดว่าจะชนะแก้มยังไม่กล้าคิดเลยค่ะ ตอนชนะก็คิดแค่ว่า อ้าว! เราได้แล้วหรอ (หัวเราะ) ฉะนั้นภาพต่อไปว่าจะยังไงต่อนี่ไม่มีเลย ตอนนั้นเรียกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดใสๆ เลยค่ะ เส้นทางสายนี้มันเป็นยังไง แก้มไม่รู้เลย พอเริ่มทำงานไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ถึงได้เรียนรู้ การทำงานในแต่ละวันมันช่วยสอนเราไปเอง ว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควรทำแค่ไหน ความคิดมันก็โตขึ้น

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

จากเด็กต่างจังหวัดที่ชนะการประกวดแบบที่ตัวเองก็ไม่ทันตั้งตัว 10 ปีผ่านไป แก้มก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องแถวหน้าอย่างไม่มีใครกังขา บนเส้นทางที่ดูเหมือนราบรื่น ค่อยเป็นค่อยไป และไร้อุปสรรค อย่างที่เราเห็น แก้มบอกว่ามันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น กว่าจะถึงวันนี้ที่ความคิดของแก้มโตเป็นผู้ใหญ่ และรู้ว่าอะไรสำคัญในชีวิต ก็ผ่านร้อนหนาว เรียนรู้ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลง ไม่น้อยไปกว่าคนอื่น

ตลอดชีวิตการทำงานของแก้ม มีอะไรบ้างที่แก้มรู้สึกว่า เราปรับตัวเองมาเยอะเหมือนกัน

โอ้โห หลายอย่างนะคะ ทั้งกาย ใจ และความคิด มันจะค่อยๆ เรียนรู้ทีละอย่าง บางอย่างเป็นพลังด้านลบ บางอย่างบวก แต่ทุกเรื่องคือบทเรียนที่ดี ให้เรารู้ว่าต้องปรับตัวยังไง

ยกตัวอย่างได้ไหม

อย่างแรก เรื่องสุขภาพ อันนี้คือปัญหาพื้นฐานของนักร้องเลย ตอนประกวดเสร็จใหม่ๆ รับงานในผับเยอะมาก มีงานเข้ามาแก้มก็ทำหมด ได้เงินก็จริง แต่สิ่งที่ตามมาคือสุขภาพแย่ลง แก้มป่วยบ่อยมาก จนวันนึงเราคิดได้ว่าร่างกายนี้มันสำคัญนะ ถ้าเราไม่ดูแลเค้าให้ดี วันหนึ่งเราจะทำงานไม่ได้เลย จนแก้มต้องบอกพี่เค้าว่าไม่ไหวแล้ว แก้มขอไม่รับ ทุกวันนี้แทบไม่รับงานที่ร้องดึกเลย นอกจากจำเป็นจริงๆ

ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้แก้มหันมาดูแลตัวเองด้วยรึเปล่า

ไม่เชิงค่ะ จุดเริ่มต้นจริงๆ น่าจะเพราะแก้มเริ่มรักตัวเองอย่างแท้จริง มาคิดถึงตัวเองในระยะยาว เรื่องสุขภาพสำคัญมาก ถ้าแก้มสุขภาพไม่ดี ก็ร้องเพลงไม่ได้ แล้วสุดท้ายแม่ต้องมาดูแลเราหรอ เลยรู้สึกว่าไม่ได้ละ ต้องเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งตอนเด็กๆ ก็ทำมาตลอดนะคะ ทั้งออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แต่ไม่สำเร็จ ก็อยากกินอ่ะ นิดนึงไม่เป็นไรหรอก (หัวเราะ) มาทำได้จริงๆ เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

นอกจากเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือแก้มแคร์ทุกคนที่แวดล้อม ไม่เฉพาะครอบครัวหรือเพื่อน แต่ทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

“เมื่อก่อนแก้มคิดแค่ว่าเราร้องเพลงได้แล้วอ่ะ พอแล้วมั้ง ไม่ต้องสวยหรอก”

เราเริ่มคิดได้ว่า แล้วเวลาไปร้องเพลง คนเค้าไม่ดูหน้าตาเราเหรอ ตอนประกวดอาจจะใช่ เพราะเค้าเอ็นดู อยากเห็นพัฒนาการของเรา แล้วหลังจากนั้นล่ะ เราจะไม่พัฒนาอะไรให้เค้าเห็นหน่อยเหรอ สุดท้ายก็คงไม่มีใครอยากสนับสนุนคนที่ย่ำอยู่กับที่

ทุกอย่างเลยกลายเป็นแรงผลักดันให้กับแก้ม นอกจากต้องพัฒนาเรื่องการร้องเพลงให้ดีขึ้นแล้ว อย่างอื่นเราก็ต้องพัฒนาด้วย  

แล้วความคิดในเรื่องอื่นๆ มีอะไรเข้ามาแล้วทำให้เราเปลี่ยนแปลงบ้าง

อย่างที่บอกค่ะ ว่าลึกๆ แล้วแก้มเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่อก่อนใครพูดหรือคอมเมนต์อะไร แก้มจะเก็บเอาทุกคำพูดมาแบกไว้หมด กังวลไปหมดว่าคนนั้นคนนี้จะรู้สึกยังไงกับเรา เลยทำให้แก้มต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้สิ่งที่ดีที่สุดจากเรา จนบางครั้งก็ลืมไปว่าเราก็คนธรรมดาอ่ะ ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลาก็ได้  

เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ถึงมีคนบอกว่าแก้มทำงานเป๊ะมาก

มีส่วนมากๆ เลยค่ะ แก้มกลายเป็นคนที่เคร่งครัดกับเรื่องงาน ทุกอย่างต้องเป๊ะ เป็นคนตั้งใจและคิดเยอะมากๆ ช่วงหลังมานี้เริ่มคิดได้ ว่ามันมากเกินไปมั้ย เพราะแก้มเครียดง่ายมาก

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

จากทุกอย่างที่เล่ามา แก้มดูเป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก  

ใช่ค่ะ คือเก็บทุกเสียงไปคิด แล้วก็นอยด์ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้น้อยลงแล้วนะคะ ถ้าเทียบกับตอนที่ยังเด็กกว่านี้

ทำไมแก้มต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น

วงการบันเทิงเป็นอะไรที่ใหม่มากเลยสำหรับแก้มในตอนนั้น มีคนเข้ามาหาและต้องเกี่ยวข้องด้วยมากหน้าหลายตา ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าใครคิดอะไรกับเรา แก้มเป็นคนตรง จริงใจกับทุกคน แต่เวลาสอนให้แก้มรู้ว่าคนตรงอยู่ไม่ได้ อันนี้เรื่องจริงเลยนะคะ

แก้มก็ต้องมาหาความพอดีว่าควรทำยังไง เราไม่อยากสูญเสียความตรงจนกลายเป็นคนไม่จริงใจ แต่ก็ต้องรู้จักผ่อน สิ่งที่ต้องทำคือหัดเรียนรู้นิสัยคน ว่าคนนี้ต้องแบบนี้ คนนี้เราพูดได้ประมาณนี้นะ ซึ่งยากมากเลยนะคะ เพราะแก้มเป็นคนหน้าชัดมาก สังเกตได้เลยใน 4 โพดำ เวลาน้องๆ พูดอะไรแล้วสะดุดความรู้สึกเราอ่ะ หางตามาเลยจ้า ซึ่งเราก็จะรู้กันค่ะว่าโอเค แค่นี้พอนะ

หลังจากพูดคุยกันมาเกินครึ่งทาง เราสังเกตได้ว่าความเป็นคนเคร่งครัดกับทุกเรื่องของแก้มผ่อนลงไปมาก ซึ่งแก้มเองก็ยอมรับว่าตอนนี้ตัวเองนิ่งขึ้น และเข้าใจโลกมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด แก้มเข้าใจตัวเอง และรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

แก้มทำยังไงถึงผ่อนตัวเองลงมาได้

ทุกอย่างอยู่ที่ความคิดของตัวเราเอง พอคิดได้ และรู้ว่าอะไรสำคัญ เราจะจัดการได้ค่ะ ที่สำคัญคือเราต้องมีสติอยู่กับตัวเองก่อน แก้มใช้วิธีสวดมนต์ ซึ่งช่วยได้เยอะมาก ทั้งเรื่องของสติและสมาธิ ตอนสวดมนต์แก้มจะได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น แก้มตัดสิ่งรบกวนภายนอกได้หมดเลย ทั้งโซเชียล เสียงคนรอบข้าง คือถ้าไม่ต้องรีบไปไหน แก้มสามารถนั่งสมาธิและสวดมนต์ยาวๆ ได้เลย

แก้มสวดมนต์อย่างจริงจังมานานแค่ไหนแล้ว

ที่สวดแบบหนักๆ และจริงจังก็ 4 ปีแล้วค่ะ แก้มจะสวดอยู่ 2 บท คือ พระคาถามหาเมตตาใหญ่ กับ บทสวด ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร วันละ 20 นาทีเป็นอย่างน้อย สำหรับแก้มแล้วช่วยได้มากนะคะ ทุกวันนี้แก้มนิ่งขึ้นมากก็เพราะการสวดมนต์นี่แหละค่ะ

จุดเริ่มต้นของการหันมาสวดมนต์มาจากไหน

เริ่มจากที่แม่พาไปนั่งสมาธิและสวดมนต์ที่วัด พอทำแล้วเรารู้สึกดี ก็เลยปฏิบัติต่อเนื่องมาตลอด แก้มสวดทุกวัน ถึงแม้เวลาจะน้อยยังไงก็ต้องพยายามหาวิธี

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

ตารางงานแน่นขนาดนี้ แก้มทำยังไงให้ตัวเองมีเวลาได้อยู่นิ่งๆ เพื่อสวดมนต์

แก้มสวดได้ทุกที่เลยค่ะ นิดเดียวก็ได้ อยู่บนรถ บนเครื่องบิน ก่อนนอน แก้มสวดได้หมด คือยังไงก็ต้องสวดทุกวัน วันไหนมีเวลาน้อย ก็สวดให้เร็วขึ้น ช้าหรือเร็วไม่เป็นไรถ้ามีสมาธิ อยู่ที่การกำหนดจิต แล้วทำให้ช่วงเวลาอันน้อยนิดนั้น เป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพที่สุด

แก้มว่าการสวดมนต์ไม่ใช่เรื่องเชย จริงๆ แล้วเหมือนการอ่านหนังสือ ตรงที่ทำให้จิตเราจดจ่ออยู่กับตรงนั้น แล้วสมาธิจะดีขึ้น นอกจากเรื่องของจิตใจก็เอามาใช้กับเรื่องงานได้ด้วย เวลาต้องอ่านบท ท่องเนื้อเพลง แก้มก็มีสมาธิและทำได้ดีขึ้น เลยทำมาตลอด แต่ถ้ามีเวลาว่างเลยก็จะชอบไปทำบุญที่วัด

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

น่าจะไม่ค่อยมีคนรู้ว่าแก้มชอบเข้าวัดทำบุญ  

แก้มไม่ค่อยได้ลงโซเชียลเวลาไปทำบุญ จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แก้มทำง่ายๆ เหมือนคนทั่วไปเลยค่ะ ตอนเช้าก็ไปตักบาตร ทำสังฆทาน ที่วัดใกล้บ้าน

อีกอย่างที่ทำตลอด คือ การไหว้ศาลหลักเมือง เพราะแก้มไม่ใช่คนกรุงเทพฯ แก้มมาอยู่ที่นี่ถ้าเราเคารพเจ้าของบ้าน เราก็น่าจะอยู่สบาย ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องทำแบบนี้นะคะ แต่สำหรับแก้ม ถือเป็นที่พึ่งทางใจ

แล้วที่บอกว่าเมื่อก่อนเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง มาถึงตอนนี้ยังเป็นอยู่ไหม

ยอมรับว่ายังเป็นอยู่ค่ะ แต่ก็น้อยลงแล้ว เพราะพอเราโตขึ้น ผ่านอะไรมามากขึ้น มันก็จะมีทั้งเรื่องที่เรามั่นใจและไม่มั่นใจ คือมั่นใจเวลาอยู่บนเวที แต่ว่าก่อนจะขึ้นเวทีต้องถามคนรอบข้างว่า อันนี้โอเคยัง อันนี้ไม่มั่นใจเลย เป็นคนจุกจิกอ่ะค่ะ แต่พอขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ลืม

อะไรที่จะทำให้แก้มเสียความมั่นใจ

จริงๆ ก็ความคิดตัวเองนี่แหละค่ะ ขนาดรู้ก็ยังแก้ยากเพราะคงเป็นนิสัยไปแล้ว แต่แก้มก็ลดลงมาเยอะนะ สิ่งที่ต้องระวังก็คือโซเชียล ตื่นมาต้องไถแล้ว อันนี้ยอมรับว่าติด ซึ่งไม่ดีเลยค่ะ แต่ไหนๆ เราต้องอยู่กับมันแล้ว สิ่งที่ควรคิดคือเราจะอยู่กับมันยังไง ในโลกที่ทุกคนมีพื้นที่สาธารณะ และสามารถเป็นดาราคนหนึ่งได้ ข้อมูลบางอย่างเร็วมาก ขาดการคัดกรองความจริงด้วย เวลาเจออะไรไม่ดีมันก็มีผลกับเราบ้าง สติและความยั้งคิดจึงสำคัญที่สุด แก้มก็จะรับมือด้วยการสวดมนต์นี่แหละ

แก้มเป็นคนกลัวดราม่ามั้ย

ไม่ถึงกับกลัวนะคะ แต่เบื่อมากกว่าค่ะ เทียบกับดาราคนอื่น ของแก้มน่าจะน้อยมาก แต่มันก็พอมีบ้าง บางทีก็งงว่ามายังไง แก้มจะรู้สึกแย่ตรงที่บางคนไม่ได้รู้จักเราเลย แล้วมโนไปเอง จากการที่เห็นอะไรเพียงเสี้ยววินาที ซึ่งแก้มเป็นคนนอยด์ง่าย ก็จะมีผลกับความรู้สึกบ้าง แต่ก็แค่แป๊บเดียวค่ะ พอสวดมนต์ ตั้งสติได้ เราก็จะรู้เท่าทัน ว่านี่แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่สำคัญกับชีวิตเรา แล้วก็ตัดได้ค่ะ

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

แล้วอะไรคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของแก้ม

มาถึงทุกวันนี้ มี 3 อย่างค่ะ ‘ครอบครัว สุขภาพ งาน’ ทั้ง 3 อย่างสัมพันธ์กันหมด ครอบครัว คือเป้าหมายหลักที่ทำให้แก้มเป็นแก้มได้อย่างทุกวันนี้ งานที่แก้มทำส่วนหนึ่งก็เพื่อตัวเองและแฟนๆ หรือคนอื่นที่เค้าชื่นชอบเรา แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นพลังในใจแก้ม ก็คือแม่กับน้อง เรื่องงานจึงสำคัญมาก เพราะมันก็กลับมาที่ครอบครัวเรา แก้มจึงพยายามทำงานทุกชิ้นที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด

แต่ถ้าสุขภาพไม่ดี เราก็ทำงานที่ดีออกมาไม่ได้ ง่ายๆ เลยนะคะ สมมุติแก้มเป็นหวัด แล้วมีงานที่ต้องไปร้องเพลง คนดูเค้าจะไม่ได้ฟังเสียงที่ 100% ของแก้ม แล้วถ้ามันเป็นบ่อยๆ มาตรฐานเรื่องงานก็ตก มันก็ส่งผลเสียถึงกันหมดค่ะ

จุดที่แก้มอยู่ทุกวันนี้ แก้มรู้สึกพอใจหรือยัง ยังมีเป้าหมายอะไรที่อยากจะไปให้ถึงอีกไหม

แก้มแฮปปี้นะคะ แก้มไม่เคยคิดว่าแก้มต้องดังแค่ไหน เราก็ทำมาเรื่อยๆ ของเรา แค่ว่าเราทำอะไรไปแล้วมีคนเห็นสิ่งที่เราทำ นั่นแหละสำคัญกว่า แต่ละคนมีเป้าหมายไม่เหมือนกัน สำหรับแก้ม ทุกวันนี้แก้มพอใจแล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีที่สุดแล้วนะ ยังมีอะไรต้องปรับปรุงตัวเองตลอด เพียงแค่วันนี้เรายอมรับได้แล้วว่ามันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก เมื่อก่อนชอบคิดว่าทุกอย่างมันต้องเป๊ะ

แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

“แต่วันนี้คิดอีกแบบ คือผ่อนบ้างก็ได้ ผิดบ้างก็ได้”

อย่างล่าสุดตอนคอนเสิร์ตวันเกิดของแก้ม แก้มก็ร้องเพลงตัวเองผิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนการร้องเนื้อผิดนี่เรื่องซีเรียสมาก แต่วันนั้นแก้มบอกคนดูไปเลยว่าร้องผิด ขอร้องใหม่ละกันนะ คือไม่บอกเค้าก็ไม่รู้หรอก แต่พอพูดออกไปและยอมรับในความผิดพลาดได้ มันก็ออกมาดีนะคะ บรรยากาศก็ผ่อนคลาย คนดูเค้าก็มองเป็นเรื่องสนุกๆ

แก้มว่าบางทีเค้าก็ไม่ได้ชอบความเป๊ะไปซะทั้งหมดหรอก ผิดบ้าง เหวอบ้างก็ได้ แต่เหวอบ่อยก็ไม่ดีค่ะ

วันนี้ถ้าพูดถึงความสุขแบบ common ของแก้ม อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้แก้มแฮปปี้ และอะไรที่ทำให้แก้มไม่แฮปปี้

ถ้าไม่แฮปปี้ ก็เรื่องสุขภาพค่ะ ไม่ชอบเวลาที่ตัวเองป่วย เพราะสุขภาพไม่ดีนี่ส่งผลทุกอย่าง ทำงานไม่เต็มที่ มีความกังวล คือพอไม่สบายกาย ก็จะไม่สบายใจไปด้วย

ส่วนเรื่องที่แฮปปี้ ก็ง่ายมากเลยค่ะ ได้ร้องเพลง ได้อยู่กับครอบครัว ได้ไปใช้ชีวิตในแบบที่อยากทำบ้างเป็นบางครั้ง เพราะแก้มไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเลย ทำงานตั้งแต่ก่อนประกวด The Star อีก พอมีบางช่วงที่ได้ไปใช้ชีวิต ไปเที่ยวกับครอบครัวบ้าง หรืออย่างวันนี้ได้ออกมาทำบุญ มีวันสบายๆ กับเพื่อน (น้องหลิง, น้องเมย์)

แค่นี้แก้มก็แฮปปี้แล้วค่ะ


แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น

นอกจากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ common ยังรวบรวมคำถามจากคนทั่วไป ที่รู้จักและชื่นชอบในตัวแก้มคนละ 1 คำถาม มาให้แก้มได้ตอบกันแบบส่วนตัว ติดตามต่อได้ใน #commonASK with แก้ม วิชญาณี (เร็วๆ นี้)