pe©ple

เขาเพิ่งกลับมาจากไต้หวัน หลังจากอยู่ที่นั่นนานถึงสองเดือน

สองเดือนนั้น น่าจะเป็นคืนวันแห่งความฝันในฐานะศิลปิน หลังจากคิวเรเตอร์ชาวไต้หวันที่ติดตามผลงานในไอจี @gongkan_ ทักมาถามและเสนอให้เขาไปอยู่ไต้หวันสองเดือน พร้อมจัดหาที่พัก และพ็อกเก็ตมันนี่อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เขาสร้างงานศิลปะ

ส่วนเรื่องการแสดงงานน่ะเหรอ? ไม่ต้องกังวล ทางนั้นจะหาแกลเลอรี่ให้

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

ก้อง-กันตภณ เมธีกุล หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ Gongkan ศิลปินที่สร้างงานด้วยลายเส้นเรียบง่าย และมีเอกลักษณ์ที่หลุมดำทะลุมิติ ที่เขาเรียกว่า “Teleport” ดูอายุน้อยกว่าที่คิด

เขาเพิ่งมีอายุ 29 ปี และจะขึ้นเลขสามปลายปีนี้ ผิดกับผลงานของเขาที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเดินทางไกลทั้งในและต่างประเทศ

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @ไต้หวัน
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @นิวยอร์ก
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @เซี่ยงไฮ้
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @ชิบูย่า
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @เชียงใหม่
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @กรุงเทพมหานคร

ในฐานะคนที่เห็นงานของเขาแบบเผินผ่าน เราคิดว่าเขาค่อนข้างโชคดีที่งานเป็นที่ยอมรับในเวลาอันสั้น และงานนั้นก็สร้างรายได้จนสามารถเลี้ยงตัวได้ในฐานะ ‘ศิลปิน’ ที่หมายถึงคนที่ทำงานศิลปะเป็นอาชีพ

แต่อย่างที่บอก นั่นคือสิ่งที่เราเห็นแบบเผินผ่านเท่านั้น เพราะหลังจากได้นั่งลงสนทนา มองลึกลงไปในชีวิตเบื้องหลังก่อนหน้านั้นของเขา

เรากลับพบว่ามันเต็มไปด้วยคำถาม การหลงทาง ความพยายาม และภาพสะท้อนของมนุษย์คนหนึ่งที่ค้นพบศักยภาพของตัวเอง

หลังจากกลับมาซื่อสัตย์กับความรู้สึกภายในใจอีกครั้ง

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

บ่ายวันหนึ่ง, นิวยอร์ก

เขานั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว แดดสีส้มส่องลอดผ่านหน้าต่าง บรรยากาศเต็มไปด้วยมวลความเงียบ เหงา และเศร้า

เขาไม่รู้ว่าจะวาดอะไรอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาเกือบปีครึ่ง หลังจากลาออกจากบริษัทโฆษณา ในฐานะครีเอทีฟดาวรุ่งที่คว้ารางวัลคานส์ 3 ปีติดกัน เพื่อบินมาเรียนภาษา คอร์สศิลปะสั้นๆ และสร้างงานเพื่อเป็นศิลปิน ถึงตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนยังไปไม่ถึงไหน

“วาดรูปทุกวัน ลงไอจีทุกวัน กลับบ้านมาก็วาดรูป บางทีเดินไปแกลเลอรี่ก็ไปถามว่ารับงานไหม หรือส่งอีเมลไปตามนิตยสารต่างๆ ว่างานเราจะลงนิตยสารได้ไหม ก็ไม่มีใครตอบกลับมา ส่วนแกลเลอรี่ก็บอกว่าเขาไม่รับคนที่เดินมาหา เขาจะเลือกศิลปินเองอยู่แล้ว

“เราก็เข้าใจ ว่าเราไม่ได้มีลายเซ็น”

รูปแล้วรูปเล่า เขาพยายามปรับสไตล์ให้ใกล้กับอะไรบางอย่างที่ผู้คนชอบ แต่ดูเหมือนยิ่งวาดเท่าไหร่ รูปเหล่านั้นกลับจมหายไปกับรูปมากมายในนิวยอร์ก

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
ภาพแรกในไอจี @gongkan_ ตอนนั้นยังไม่มีเค้างาน Teleport

ชีวิตที่ไปไม่ถึงไหนทำให้เขา-คนที่ชอบเอาชนะตัวเอง รู้สึกกดดันและเป็นโรคนอนไม่หลับ นั่งตาค้างถึงเก้าโมงเช้าติดกันหลายวัน บางทีลึกๆ ก็รู้สึกคล้ายเป็นโรคซึมเศร้า

แต่เขารู้ตัวดีว่าแค่เฉียดใกล้เท่านั้น

ก่อนหน้านั้น, กรุงเทพฯ

เขาชื่นชอบศิลปะตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำได้เขาชอบดูการ์ตูน วาดรูปการ์ตูน และวาดได้ทั้งวัน ต่างกับเรื่องอื่นๆ อย่างการบ้านวิชาต่างๆ ที่เขาจะรีบทำมันให้จบๆ เพื่อจะเอาเวลาที่เหลือไปวาดรูปเล่น

พอเรียนต่อมหาวิทยาลัย เขาเลือกเรียนสาขานิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับศิลปะและชอบงานไอเดียในโฆษณา เขาคิดว่าการเรียนนิเทศศิลป์น่าจะเอาไปต่อยอดด้านอื่นๆ ได้ มากกว่าแค่วาดรูปอย่างเดียว

“ตอนนั้นคิดว่าวาดรูปเป็นงานอดิเรกที่เรารัก ก็ต้องบอกว่า มันเป็นเพราะสังคมด้วย การที่เราจะเป็นศิลปินเต็มตัวมันดูห่างไกลจากจินตนาการ แล้วเราก็ยังมีความคิดว่าการเป็นศิลปินมันอาจจะลำบาก ต้องไปขายภาพที่จตุจักรหรือเปล่า ผมจินตนาการไม่ออก”

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

ในระหว่างที่เรียน เขาได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคณะ บวกกับเข้าเวิร์คช้อปกับวงการโฆษณาอย่าง B.A.D Student Workshop ทำให้เขาค้นพบว่านอกจากวาดรูปแล้ว เขายังสนุกกับการคิดสร้างสรรค์และหาไอเดีย

“ตอนเวิร์คช้อปได้คิดโฆษณาทุกสัปดาห์เลย มันส์มาก สนุก รู้สึกว่าการทำโฆษณามันน่าสนใจ …แล้วตอนเรียน B.A.D เรารู้สึกว่าครีเอทีฟมันเป็นอาชีพของนักสร้างสรรค์ เราสามารถคิดอะไรก็ได้ให้กับโลกใบนี้ ก็เลยอยากทำครีเอทีฟโฆษณา”

พอเรียนจบ เขาจึงเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่เอเจนซี่ BBDO ในฐานะครีเอทีฟตามที่ตั้งใจ ทว่าโลกความจริงไม่เหมือนกับการเวิร์คช็อป

“พอมาทำมันก็ไม่เหมือนที่ฝันนะ เพราะตอนที่เราเวิร์คช้อปจะเป็นเรื่องของงานสร้างสรรค์ แต่พออยู่ในชีวิตจริง มันมีเรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง จะขายได้ไหม? แรงไปหรือเปล่า? หรือมันไม่ตอบโจทย์ลูกค้า มีข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด

“แต่ข้อดีคือเราได้รู้จักระบบการตลาด การแก้ปัญหา รู้จักวิธีขายงาน วิธีพูดในหลายๆ แบบ ถ้าลูกค้าไม่ซื้อแบบนี้ เราก็นำเสนอทางออกอื่นๆ ให้ ซึ่งตอนนั้นก็ได้อะไรมาเยอะมากๆ”

หลังจากนั้น, กรุงเทพฯ

ปีแรกในฐานะครีเอทีฟโฆษณา ถ้าให้ประเมินตัวเอง เขาบอกว่า “งานเราไม่ปัง” และด้วยความที่ “ผมอาจจะเป็นคนที่ชอบเอาชนะด้วย …เราก็เลยบ้าคิดโฆษณาไปช่วงหนึ่ง”

‘บ้า’ ที่เขาหมายถึงคือคิดทั้งวันทั้งคืน เยอะทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ โดยไม่มีวันหยุด จากนั้นงานที่เขาทำให้กับสายการบิน Thai AirAsia ก็ได้รับรางวัลเมืองคานส์ (Cannes Lions) ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดในวงการโฆษณา รวมถึงงานอื่นๆ ที่เขาทำก็ได้รับรางวัลในเวทีอื่น 3 ปีติดกัน

BBDO AirAsia Campaign Cannes 2015

BBDO AirAsia Campaign Cannes 2015

BBDO AirAsia Campaign Cannes 2015
Print advertisement created by BBDO, Thailand for Air Asia | รางวัล Silver Lion, Cannes Lions 2015

เขารู้สึกเหมือนได้พิชิตเป้าหมายบางอย่างในใจ คล้ายกับนักเดินทางที่เดินขึ้นสู่ยอดเขา

 “พอถึงจุดหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าเราเข้าใจวงการ เราฟินในงานบางชิ้นที่เราได้ทำมันไปแล้ว …ก็เลยมานั่งถามตัวเองว่า เราอยากโตไปเป็นคนแบบไหน โตไปในระบอบโฆษณาไหม คือเราสนุกในการทำ แต่เรามองภาพตัวเองไม่ออกที่จะโตไปเป็น ECD (Executive Creative Director)

“แล้วตอนนั้นเราจะมีความสุขไหม” เขาในวัย 25 ปีถามใจตัวเอง

เมื่อคำตอบน่าจะเป็นไม่มากกว่าใช่ พอดีกับที่ทางบ้านต้องการให้เขาไปเรียนต่อเมืองนอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขารู้ว่าด้วยวัยเท่านี้ที่ไม่มีภาระอะไรมากมาย ถ้าเขาไม่ไปตอนนี้ ในอนาคตเขาอาจไม่มีแรงที่จะทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว

“ที่ออฟฟิศก็ถามว่า ออกแล้วไปไหน จะไปอยู่ออฟฟิศใหม่หรือเปล่า หรือไปทำงานอะไร…” พอคำตอบคือการไปนิวยอร์กเพื่อไปเรียนต่อด้านศิลปะ ทุกคนก็เข้าใจ

เพราะทุกคนมีความฝัน และการไปเรียนต่อศิลปะ เพื่อจะเป็นศิลปิน ก็เป็นความฝันของหนุ่มครีเอทีฟอนาคตไกล

สี่ห้าปีก่อน, นิวยอร์ก

ถามว่ามั่นใจแค่ไหนว่าจะได้เป็นศิลปิน คำตอบคือไม่มี “ต้องลองเสี่ยง” เขาบอก

หลังจากถึงนิวยอร์กสิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การลงคอร์สเรียนศิลปะ แต่เป็นการเรียนภาษา

“เพราะว่าผมเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เป็นคนที่โง่อังกฤษสุดๆ ก็เรียนอยู่ประมาณแปดเก้าเดือน” พอเริ่มพูดได้ สื่อสารได้ เขียนเรียงความได้ จากนั้นเขาก็ไปลงคอร์สเรียนศิลปะทั้ง Fine Art และ Painting

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

การเรียนศิลปะในเมืองแห่งศิลปะสมัยใหม่ เขาพบว่าคนไทย ถ้าเทียบกันเฉพาะฝีมือ วาดเก่งกว่าฝรั่ง แต่สิ่งที่สู้ไม่ได้คือเรื่องการนำเสนอและไอเดีย

“ผมไปเรียนคือผมวาดสวยสุดในคลาส ไม่ได้อวดนะ แต่อยากจะบอกว่าเด็กจิตรกรรมหรือเด็กศิลปากรคือเก่ง เด็กไทยมีความสามารถมากจริงๆ ไม่ใช่แค่ผม พวกเพื่อนๆ ผมก็เหมือนกัน ทำงานสวยมาก …บางทีเมืองนอกเขาวาดเหมือนลายเส้นมาเส้นหนึ่ง เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอเขาเล่า เขาอินกับงาน แล้วเขาเชื่อว่าที่เขาทำทุกอย่างออกมา เขามีเหตุผล จากงานที่ดูไม่มีอะไร มันสวยขึ้นได้ ก็เลยรู้ว่าฝรั่งเขามีเรื่องของการนำเสนอ เรื่องความอินกับผลงาน เขาอินกว่าเรา”

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
ภาพวาดของ Gongkan ก่อนงาน Teleport

เวลาเรียนในคลาสก็เป็นเช่นนั้น เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการวาด นำเสนอ และคอมเมนท์งาน

“อาจารย์เขาก็จะปล่อยเราวาด แล้วมานำเสนอ มาคอมเมนท์งาน ซึ่งฝรั่งเขาจะไม่มานั่งตัดสินกันเรื่องถูกผิด ก็จะไม่เหมือนบ้านเรา เพราะของเราจะเน้นที่สกิลมากกว่า สวยไม่สวย เส้นดินสอเราเนี๊ยบหรือเปล่า ซึ่งจะเน้นที่พื้นฐานมากกว่าที่นู้น

“ถ้ามองตรงๆ เลยนะ ที่นู้นคนไม่จำเป็นต้องระบายสีสวยที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีสกิลแน่นที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่มีความคิด เพราะว่าเขาเน้นคอนเซ็ปท์มากกว่า”

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
ภาพวาดของ Gongkan ก่อนงาน Teleport

ทำไมคุณถึงวาดแบบนี้?

นี่คือคำถามที่เขาเจอบ่อยในคลาสเรียน “เขาไม่มีตัดสินว่าอะไรถูกผิด อะไรสวยไม่สวย อะไรเอไม่เอ แต่จะพูดถึงอินเนอร์ พูดถึงเรื่องความคิด”

เขาวาดรูปทุกวัน วาดไม่รู้กี่รูปต่อกี่รูป แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจงานของเขา รูปสวยๆ มีเยอะแล้วในโลกใบนี้ งานศิลปะก็มีกล่นเกลื่อนในนิวยอร์ก เวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านไปยังคงไม่มีอะไรคืบหน้า ความหวังที่จะเป็นศิลปินเริ่มริบหรี่ เขามาทำอะไรที่นี่ เขานอนไม่หลับ เขารู้สึกค่อยๆ ดำดิ่งลงในหลุมดำของซึมเศร้า

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

“ตอนนั้นผมเป็นโรคไม่มีความสุขในชีวิต รู้สึกว่าเราจะทำยังไงให้คนมาสนใจงานเรา เราจะวาดอะไรที่คิดว่าคนชอบ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเคยทำงานโฆษณา แล้วเราต้องเอาใจลูกค้า มันเลยกลายเป็นจิตใต้สำนึกที่เราต้องวาดอะไรที่แบบคนจะชอบ ซึ่งเราก็เดาไปเรื่อยว่า คนจะชอบแบบนี้ พอถึงจุดหนึ่ง ตัวเราก็กลายเป็นบ้าไปแล้ว”

ไม่หรอก, เขาไม่ได้บ้า เขาแค่เปรียบเปรยให้เห็นว่าเขาเครียดมากแค่ไหน

บ่ายวันนั้น, นิวยอร์ก

เขานั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว แดดสีส้มส่องลอดผ่านหน้าต่าง บรรยากาศเต็มไปด้วยมวลความเงียบ เหงา และเศร้า

เขาไม่รู้ว่าจะวาดอะไรอีกแล้ว เพราะทุกที่ต่างปฏิเสธงานของเขา เขารู้ดีว่างานของตัวเองไม่มีลายเซ็น ท่ามกลางความมืดมิดในห้วงแห่งการค้นหา เขารู้สึกเครียด กดดัน และสิ้นหวัง ในวินาทีนั้นเองเขากลับไปคิดถึงตอนเด็กๆ ที่วาดภาพต่างๆ ด้วยความสนุก โดยไม่สนใจว่างานชิ้นนี้คนจะชอบไหม จะมีคนแชร์เยอะหรือเปล่า

“ในเมื่อวาดอะไรเพื่อคนอื่นมาตั้งนานแล้วมันไม่เกิดผลเลย ก็เลยเริ่มวาดงานนี้ขึ้นมา” เขาพูดถึงงาน Teleport ที่เกิดจากความรู้สึกไร้ทางออกที่ทำให้เขาอยากวาร์ปไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง และแจ้งเกิดให้เขาเป็นศิลปินในเวลาต่อมา

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Teleport no.1

“พอเราปลดล็อกตัวเอง ทำอะไรที่เป็นตัวเอง โดยไม่คิดว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า เราก็สนุกกับมัน ความคิดสร้างสรรค์มันก็มา ไม่เหมือนก่อนหน้านั้นเราปิดตัวเองไว้ตั้งแต่แรก เวลาที่เราวาด เราก็จะชอบคิดว่าคนจะชอบอะไร วาดอย่างนี้จะมีคนมาจ้างไหม เราลืมไปว่าความคิดแบบนี้มันมาตีกรอบงานเรา ทำให้งานเราเล็กลงเรื่อยๆ แล้วงานเราก็เริ่มจะเหมือนคนอื่นๆ ในตลาด

“แต่ตอนนั้น (ที่วาด Teleport) เรารู้สึกไม่มีอะไรจะเสียแล้วในชีวิต เราก็แบบ… จะทำอะไรก็ได้แล้วโว้ย ใครไม่ชอบก็ช่างมัน เราวาดอะไรที่มาจากใจเราจริงๆ ดีกว่า”

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
ภาพ Teleport ชุดแรกๆ

เขาวาดภาพตัวการ์ตูนที่โผล่มาจากหลุมดำลงบนกระดาษ ด้วยลายเส้นที่ดูเรียบง่าย ธรรมดา แต่กลับไปสะดุดตาเพื่อนคนหนึ่ง “ทำไมงานยูถึงไปอยู่บนกระดาษล่ะ มันน่าจะไปอยู่บนประตู กำแพง หรือไม่ก็สตรีทอาร์ต”

สำหรับศิลปินไม่มีชื่อ การนำงานไปอยู่บนกำแพงในนิวยอร์กนับเป็นเรื่องยาก เขาจึงเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนภาพวาดเป็นสติกเกอร์ แล้วพกติดตัวเพื่อเอาไปแปะตามผนัง เสาไฟฟ้า ฯลฯ ในระหว่างวันที่เดินผ่าน

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Sticker Bomb in NY โดย Gongkan

ตัวการ์ตูนหน้าตาเรียบง่ายที่โผล่จากหลุมดำ แต่มีเอกลักษณ์อย่างประหลาด ทำให้คนนิวยอร์กที่เห็นสะดุดตา และถ่ายลงโซเชียลมีเดีย พอรูปผลงานแพร่กระจาย คนก็เริ่มกลับมาติดตามงานที่ไอจีของเขามากขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่องานเป็นที่สนใจ โอกาสก็เปิดกว้าง

ศิลปินชื่อ Gongkan ไม่ใช่คนแปลกหน้าในนิวยอร์กอีกต่อไป

วันนี้, กรุงเทพฯ

เขานั่งร่วมโต๊ะกับเราในร้านอาหาร MEROS ย่านพระรามสอง Gongkan กลายเป็นศิลปินเต็มตัว มีรายได้และเลี้ยงชีพด้วยการทำงานศิลปะ

นอกจากนี้ งานศิลปะยังตอบแทนเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยการพาตัวเขาไปในที่ต่างๆ ไม่ใช่แค่นิวยอร์กหรือประเทศไทย แต่ยังรวมถึงไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ รวมถึงแบรนด์ดังต่างก็อ้าแขนต้อนรับงานของเขา

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Shark Cool Bite X Gongkan
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Mercedes-Benz X Gongkan
กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport
Gongkan @Central World

สำหรับคนทั่วไปที่มองเข้ามา อาจคิดว่า Gongkan คือศิลปินผู้โชคดีที่แจ้งเกิดได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่สำหรับเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เคยมีอะไรง่ายและได้มาฟรีๆ

“คือผมรู้สึกว่าชีวิตของผมจะเป็นแบบนี้ ปีแรกจะเหนื่อยหน่อย ตอนเป็นครีเอทีฟโฆษณาปีแรกงานก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่เราไม่ยอมแพ้ ซึ่งผมเคยบ้ากับการคิดโฆษณามากๆ อยู่หนึ่งปีกว่าจะตีโจทย์แตก ทำงานออกมาดีได้”

ทุกอย่างต้อง ‘จ่าย’ ไปก่อนถึงจะ ‘ได้’ กลับมา เขาเชื่อเช่นนั้น แต่การจะเป็นศิลปินยากกว่านั้นหลายขุม เพราะศิลปินไม่ใช่อาชีพที่มีเปิดรับสมัคร และไม่ใช่ว่านึกจะเป็นก็เป็นได้

“เราเกือบถอดใจไปแล้ว” เขาพูดถึงวินาทีที่อยู่ในหลุมดำในห้องนอนที่นิวยอร์กราวสี่ปีก่อน

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

“แต่ผมถอดใจไม่ได้ เพราะผมเป็นคนที่ไม่สามารถจะทำงานอย่างอื่นได้ ผมไม่สามารถไปเป็นนักธุรกิจ หรือจะไปทำงานการเงิน หรือจะไปเป็นอาชีพอื่นๆ เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลยนอกจากการวาดรูปที่ผมรู้สึกว่าผมทำมันได้ดี เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่า ผมต้องสู้”

คุณเชื่อเรื่องโชคชะตาอะไรแบบนี้ไหม?

“ผมเชื่อว่าคนเรามีจังหวะ แต่เราจะไม่รู้หรอกว่าจังหวะนั้นจะมาเมื่อไหร่ เราทำได้แค่ขยัน ทำไปก่อน ทำไปเถอะ ซื่อสัตย์กับตัวเองไปก่อน ต้องทำงาน แล้วจะมีสักวันที่เป็นวันของเรา”

คุณมั่นใจว่าจะมีวันของตัวเองจริงๆ เหรอ ถ้าวันนั้นมันไม่เกิดขึ้นกับคุณล่ะ?

“…พูดตรงๆ นะ ผมก็แค่เชื่อ จะเรียกว่าเชื่อแบบลมๆ แล้งๆ ก็ได้”

อนาคต, ที่ไหนสักแห่ง

เราแยกจากกันหลังบทสนทนาจบลง เขาผลักประตูเดินออกจากร้านแล้วค่อยๆ ลับหายไป ราวกับ Teleport ไปที่ไหนสักแห่ง

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

แต่ที่แน่ใจได้อย่างหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม เขาคงจะใช้เวลาไปกับการนั่งคิดงาน วาดรูป และกินกาแฟ (เครื่องดื่มที่เขาโปรดปราน) พร้อมกับความตั้งใจที่จะนำเสนองานใหม่ๆ ให้ไกลกว่ากรอบเดิมๆ “ผมอยากให้งานมันไปไกลมากกว่างานเพนติ้ง อาจเป็นฟิล์มอาร์ตก็ได้ อาจจะเป็นห้อง Teleport Room หรือเปล่า…”

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

และมากกว่านั้นในฐานะคนทำงานศิลปะ เขายังหวังให้งานที่ทำสร้างความหมายขึ้นในใจของคนที่ได้เห็นมัน เหมือนกับที่เขาได้พบความหมายนั้นในงานของตัวเอง งานที่พาคนที่พลัดหลงในวังวนแห่งความสับสนในห้องนอนห้องนั้น กลับสู่บ้านที่แท้จริงของตัวเองอีกครั้ง

เพียงแค่…ซื่อสัตย์กับตัวเอง.

กันตภณ เมธีกุล Gongkan Teleport

*หมายเหตุ: สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2562 หรือหลายเดือนก่อนหน้านี้