pe©ple

เหลียง ฮูกั๋ว (梁护国) คุณปู่นักวิ่งวัย 72 จากมณฑลยูนนาน จบการวิ่งมาราธอนครั้งล่าสุดในรายการ 2018 Tengchong Marathon ด้วยเวลา 3.57 ชั่วโมง พร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม และพลังที่ยังเต็มเปี่ยม

ปู่เหลียงเข้าเส้นชัยด้วยท่าประจำตัว ชี้นิ้ว 2 ข้างขึ้นฟ้าเหมือนนักฟุตบอลเวลาดีใจตอนทำประตูได้

นับถึงวันนี้ ปู่เหลียงวิ่งมาราธอนมาแล้ว 23 รายการ และทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 2 ปี

หมายความว่า ปู่เหลียง เริ่มวิ่งมาราธอนตอนอายุ 70

ด้วยความที่รายการวิ่งมาราธอนในจีนนั้นเยอะมาก ราวๆ 1,900 รายการต่อปี ทำให้ยากที่จะมีการเก็บสถิติมาราธอนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มิเช่นนั้น ปู่เหลียงอาจจะเป็นคนสูงอายุที่วิ่งเร็วที่สุดในจีน (กลุ่มอายุ 70-80 ปี)

“ถึงผมจะแก่ แต่ผมก็แข็งแรง” ปู่เหลียงพูดคำนี้เสมอ

ย้อนไปในวัย 60 ปี ปู่เหลียงเกษียณอายุจากการทำงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เช่นเดียวกับคนวัย 60 ทั่วไป แต่สิ่งที่ปู่เหลียงต่างจากชายวัยเกษียณคนอื่นคือ เขาไม่ขอใช้ชีวิตประจำวันเยี่ยงคนแก่

เหลียง ฮูกั๋ว ตอนอายุ 30 ปี (Photo : www.inkstonenews.com)
เหลียง ฮูกั๋ว ตอนอายุ 30 ปี (Photo : www.inkstonenews.com)

ปู่เหลียงเริ่มกลับมาว่ายน้ำอีกครั้งเพื่อให้ร่างกายยังฟิตอยู่เสมอ

“ตอนผมยังหนุ่ม ผมไม่เคยสูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน และไม่ชอบดื่มเหล้าด้วย ผมชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะว่ายน้ำ”

หลังใช้ชีวิตวัยเกษียณด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ไม่นาน ปู่เหลียงก็ค้นพบความ ‘สนุก’ ครั้งใหม่ของตัวเอง จากการปั่นจักรยาน เขาทะยานเข้าสู่โลกของกีฬาอย่างเต็มตัว โดยเริ่มจากเป็นสมาชิกของชมรมจักรยานในยูนนาน จากนั้นก็ลงสมัครแข่งขัน

ปู่เหลียง กับการแข่งขัน 2017 Granforndo Yunnan
ปู่เหลียง กับการแข่งขัน 2017 Granforndo Yunnan

“ผมเคยแข่งขันรายการ Granfondo Yunnan ปั่นติดต่อกัน 3 วัน “

รายการนั้นปู่เหลียงไม่ได้เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 แต่เขาก็ภูมิใจว่าชายอายุหลังเกษียณอย่างเขา ปั่นชนะคนที่อายุน้อยกว่าหลายๆ คน

หลังจากปั่นจักรยานมาได้ 4 ปี ปู่เหลียงเพิ่มดีกรีความสนุกไปอีกขั้น ด้วยการลองท้าทายขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง

ปี 2016 เขาปั่นจักรยานร่วมกับเพื่อนๆ ในชมรมจักรยานจากเมืองลี่เจียง มณฑลยูนนาน สู่เมืองลาซา ทิเบต ระยะทางราวๆ 1,700 กม. เท่านั้นยังไม่พอ ปู่เหลียงยังปั่นขึ้นเขาจากลาซาไปเอเวอร์เรสต์เบสแคมป์จนสำเร็จ โดยใช้เวลาทั้งหมด 22 วัน

ปู่เหลียง หลังปั่นจักรยานพิชิตเอเวอร์เรสต์เบสแคมป์ บนความสูง 5,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ปู่เหลียง หลังปั่นจักรยานพิชิตเอเวอร์เรสต์เบสแคมป์ บนความสูง 5,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ความสำเร็จในครั้งนั้น ทำให้ปู่เหลียงหัวใจพองโต และกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองสู่ความสนุกครั้งใหม่ ด้วยการลองวิ่งมาราธอน

เดือนธันวาคม ปี 2016 ปู่เหลียงในวัยย่าง 70 ปี จบการวิ่งฮาฟท์มาราธอนรายการแรกในชีวิตได้สำเร็จ ที่ Shanghai International Marathon

เขาตกหลุมรักการวิ่งตั้งแต่วันนั้น และก้าวสู่วงการนักวิ่งมาราธอนอย่างเป็นทางการมาจนถึงทุกวันนี้

ปู่เหลียงมักจะเจอคำถามจากนักวิ่งรุ่นหลานอยู่เสมอว่า “คุณทำได้อย่างไร?”

“ทำทุกอย่างให้เหมือนกับการเล่นสนุก”

คำตอบสั้นและง่ายของปู่เหลียงมาพร้อมการตั้งคำถามให้คนถามต้องขบคิด

“ทำไมเราจะต้องหยุดความสนุกของชีวิต เมื่อตอนที่เราเกษียณ”

ปู่เหลียงเลือกใช้ช่วงเวลาหลังเกษียณ เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ที่เขาต้องรู้สึก ‘สนุก’ กับมัน

“ผมชอบถ่ายรูปด้วย เลยไปเรียนเทคนิคการถ่ายภาพกับเพื่อนๆ บ้าง เคยลองไปร้องเพลงและเต้นด้วยนะ แต่ไม่สนุกเท่าไหร่ สุดท้ายก็มาจบที่การวิ่ง”

(Photo : http://www.yuanmouzc.com)

ฉะนั้นสำหรับปู่เหลียง ถ้าถามว่าเขาวิ่งได้อย่างไร เขาจะตอบง่ายๆ แค่ว่า “เขาวิ่งจากความสนุก” แต่ถ้าถามว่าเขาวิ่งแล้วได้อะไร เขาจะตอบมันได้ยาวกว่า

“เราวิ่งให้มันสนุก แล้วมันจะง่าย ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ค่อยว่ากันอีกที เพราะคีย์สำคัญคือ ผมได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเราทำได้”

ทุกครั้งที่เข้าเส้นชัย ปู่เหลียงบอกว่าไม่ใช่แค่พิสูจน์ตัวเอง แต่ยังเป็นการทำให้คนอื่นเห็นว่า ‘คนแก่แต่ยังมีไฟ’ ในตัวเองมีอยู่จริง ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เพื่อปลอบใจผู้สูงอายุ และถ้าเขาทำได้ คนอื่นก็ทำได้

“ผมไม่ได้วิ่งเพียงแค่จะเข้าเส้นชัย มาราธอนทุกครั้งของผมมันคือการแข่งขันกับขีดจำกัดของตัวเอง ครั้งที่แล้วทำดีแค่ไหน ครั้งต่อไปต้องดีกว่า ถ้าทำได้ไม่ดีเท่า ผมจะรู้สึกไม่ค่อยดี ผมคิดแบบนี้กับทุกเรื่องในชีวิต ถ้ายังมีโอกาสทำ จงทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเองจะทำได้”

 

(Photo : www.gymarathon.com)
(Photo : www.gymarathon.com)

และเวลาที่ดีที่สุดในมาราธอนครั้งนี้ของปู่เหลียงที่ 3 ชั่วโมง 57 นาที นั้นก็เพียงพอสำหรับผ่านการคัดเลือกเข้าไปสู่ ‘บอสตัน มาราธอน’ รายการที่นักวิ่งมาราธอนทุกคนต่างใฝ่ฝัน ปู่เหลียงก็เช่นกัน

“เป้าหมายของผมในบอสตัน มาราธอน คือ 3 ชั่วโมง 30 นาที” เขาพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

ปู่เหลียงเคยให้สัมภาษณ์กับ Pavel Toropov นักเขียน นักวิชาการ และนักวิ่งมาราธอนรุ่นลูกที่เขาถูกชะตา ถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเอง และอนาคตนักวิ่งของเขา

“ผมไม่กินจนเกินความจำเป็น ส่วนใหญ่กินผัก ไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์ ดื่มนมกับโยเกิร์ตอย่างละครึ่งลิตรทุกวัน ไข่หนึ่งฟอง กล้วยหนึ่งลูก และน้ำผึ้งอีกหนึ่งช้อน

“พยายามนอนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่พออายุมากก็จะนอนไม่ค่อยหลับ นอนได้สัก 5 ชั่วโมงก็ตื่นแล้ว ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ปู่เหลียงชอบวิ่งคนเดียว ซ้อมวิ่งสัปดาห์ละ 80 กม. เฉลี่ยวันละ 10 กม. แต่เพิ่มพิเศษทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ปู่เหลียงจะวิ่ง 20 กม. รอบทะเลสาบ Dainchi ที่บ้านเกิด แต่ช่วงหลังเริ่มมีลูกศิษย์มาขอวิชา

“ผมวิ่งคนเดียวเป็นประจำ จะมีคนอื่นวิ่งด้วยบ้างก็คือลูกศิษย์ อายุ 47 เพิ่งจะเริ่มวิ่ง”   

ปู่เหลียงซ้อมวิ่งในวันสบายๆ รอบทะเลสาบ Dainchi (photo : www.inkstonenews.com)
ปู่เหลียงซ้อมวิ่งในวันสบายๆ รอบทะเลสาบ Dainchi (photo : www.inkstonenews.com)

ปู่เหลียงไม่เคยหยุดวิ่ง ไม่ว่าฝนจะตกหรือลมจะแรงแค่ไหน เขาก็บอกว่าสบายๆ

“ผมไม่เคยบาดเจ็บเลยนะ เคยรู้สึกตึงๆที่เอ็นร้อยหวายครั้งนึงหลังวิ่งมาราธอนจบ แต่ก็เป็นอยู่แป๊บเดียว แล้วก็หาย”

อุปสรรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้นของปู่เหลียงคือรายการวิ่งส่วนใหญ่ในจีนมักจะจำกัดอายุผู้เข้าร่วม จนทำให้ปู่เหลียงต้องลงแข่งขันในรายการ International เท่านั้น

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจำกัดอายุ ตราบใดที่เราทำได้ ผู้สูงอายุไม่ควรถูกกีดกัน เราจะส่งเสริมให้คนแก่หันมาออกกำลังกายได้ยังไง ถ้ายังคิดว่าคนแก่ไม่สามารถวิ่งมาราธอนได้แบบนี้”

และเมื่อถามถึงอนาคต ว่าปู่เหลียงคิดจะหยุดวิ่งเมื่อไหร่ คำตอบของเขายังคงน่าทึ่ง

“ผมคงจะวิ่งมาราธอนต่อไปจนอายุ 80″

“หลังจากนั้นคิดว่าจะเปลี่ยนมาวิ่งฮาล์ฟมาราธอน คุณคิดว่าไง?”

 

อ้างอิง :

 

FACTBOX

  • Sub 4 คือ การวิ่งระยะทาง 42.195 km ให้ได้ภายในเวลา 4 ชั่วโมง หรือ 240 นาที เฉลี่ยแล้วต้องวิ่งให้ได้ Pace 5:40 นาที/กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของนักวิ่งมาราธอน