“เราหวังและฝันอยากมีชีวิตที่ดี แต่ความหวังและความฝันจะมีความหมายอะไร
ถ้าเราไม่หาทางเปลี่ยนหวังและฝันให้เป็นจริง”
กอล์ฟ – ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ผู้กำกับ นักกิจกรรมการเมือง
“ปี 2022 คือหมุดหมายที่สำคัญกับชีวิตของเรามาก เพราะเป็นปีที่มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นสองเรื่อง”
“เรื่องแรกเกี่ยวกับร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ต้องเท้าความก่อนว่า เหตุผลที่เราเข้ามาอยู่ในพื้นที่การเมืองเต็มตัว เป็น ส.ส. ฝ่ายค้าน เพราะเลือกทำตามอุดมการณ์ตัวเองที่ต้องการผลักดันให้ชาว LGBT หรือผู้มีความหลากหลายทางเพศได้รับสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานอย่างแท้จริงในเชิงกฎหมาย”
“ถ้าย้อนกลับไปสักสิบปี เราเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การพูดถึงเรื่องสมรสเท่าเทียม หรือโอกาสที่คนเพศเดียวกันจะได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย คือแค่เรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนแรกเราก็เชื่อแบบนั้น เพราะถูกสังคมไทยกดไว้ตลอด เลยต้องอยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัว”
“แต่สังคมโลกไม่ได้เป็นแบบนั้น เราเห็นชาว LGBT ในหลายประเทศพยายามต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิและความเท่าเทียมจนสำเร็จ ทำให้กลับมาคิดได้ว่า ในเมื่อเราหวังและฝันอยากมีชีวิตที่ดี แต่ความหวังและความฝันจะมีความหมายอะไร ถ้าเราไม่หาทางเปลี่ยนหวังและฝันให้เป็นจริง”
“ถ้านับช่วงเวลาสั้นๆ แค่ปีกว่า ที่เราได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส. เพื่อเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชนในสภา เราพยายามสร้างพื้นที่ทั้งในทางการเมืองและในสังคม ให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้มีความหลากหลายทางเพศในแง่มุมต่างๆ แล้วเสนอร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งใช้เวลารอคอย 448 วัน กว่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาในสภา”
“เราไม่แปลกใจที่ใช้เวลานาน เพราะไม่เคยมีกะเทยแต่งหญิงได้ไปยืนอยู่ในพื้นที่ทางการเมือง เราเจอแรงกดดันมหาศาลทั้งในสภาและในสังคม ถูกโจมตี ถูกดูถูกเหยียดหยาม ถูกเลือกปฏิบัติ และถูกกีดกันสารพัด ก็ขอบคุณตัวเองที่ยังเข้มแข็ง อดทน และมีสติ”
“ตอนนั้น ต่อให้ความหวังจะน้อยนิด เพราะเป็นร่างกฎหมายที่ฝ่ายค้านเสนอ แต่เราไม่เคยบอกตัวเองให้เลิกหวัง ทันทีที่รู้ผลว่าผ่านการพิจารณาวาระหนึ่ง วินาทีนั้นเลยคือหมุดหมายสำคัญที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกำลังค่อยๆ เกิดขึ้น จนถึงตอนนี้ เราเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม แต่ก็ต้องคอยจับตาดูว่าวาระต่อๆ ไป ผลจะเป็นยังไง”
“หลังจากถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. เราก็กลับมาทำอาชีพที่รัก ได้กำกับซีรีส์และภาพยนตร์ควบคู่ไปกับการผลักดันกฎหมายและสร้างความเข้าใจเรื่องสมรสเท่าเทียม”
“งานในวงการบันเทิง เป็นอีกเรื่องของหมุดหมายที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน โดยเฉพาะผลงาน ‘คาธ The Eclipse’ เป็นซีรีส์วายที่ฉายภาพความรักของนักเรียนเพศเดียวกันและการเรียกร้องสิทธิ เราตั้งใจสะท้อนให้เห็นประเด็นการยอมรับผู้มีความหลากหลายทางเพศในทุกๆ ระดับ ตั้งแต่ครอบครัว กลุ่มเพื่อน และกลุ่มสังคม เมื่อผลตอบรับออกมาดี มีทั้งคนไทยและคนดูทั่วโลกพร้อมที่จะรับและเข้าใจสารสำคัญที่เราต้องการจะสื่อ ซึ่งเป็นประเด็นสากลที่คนกำลังสนใจ นี่คือรางวัลสูงสุดของการทำงานในฐานะผู้กำกับ”
“ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เรายิ่งรู้สึกมั่นคงกับตัวเอง ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เราจะนึกถึงอุดมการณ์เสมอ เพราะอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน แล้วเราก็ดีใจและภูมิใจกับตัวเองมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกเราชาว LGBT มักจะปลอบใจกันเองว่า ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ทำงานได้เท่านี้ก็ดีแล้ว มีชีวิตเท่านี้ก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว ไม่มีใครหรือสิ่งไหนจะหยุดยั้งเวลาและความเปลี่ยนแปลงเอาไว้ได้ อย่าคิดว่าได้แค่นี้ก็ดีแล้ว เราต้องบอกตัวเองใหม่ว่า เราเป็นคนเหมือนกัน เสียภาษีให้รัฐเหมือนกัน เราก็ต้องได้สิทธิขั้นพื้นฐานเท่ากับทุกคน เรามีสิทธิ์มีครอบครัว มีความรัก มีคนรัก ไม่ว่าเราจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหน กฎหมายต้องรับรองเราเท่ากับคนอื่นโดยไม่มีประเด็นเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง”
“ที่ผ่านมาเรารู้ว่า มันทั้งยาก หนักหนา และเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับมาตรฐานหรือสิ่งที่สังคมตีตราไว้ว่าเราเป็นบุคคลชั้นสอง สาม สี่ ห้า การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ไม่มีกฎหมายรองรับว่าเรามีตัวตนและเป็นมนุษย์เท่ากับทุกคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย เราทุกคนถึงต้องร่วมด้วยช่วยสู้กันต่อไป เพื่อให้ได้สิ่งที่ควรได้เท่ากับทุกคน”
“เราเชื่ออย่างสนิทใจว่า ในไม่ช้าก็เร็ว สมรสเท่าเทียมต้องเกิดขึ้นจริงแน่นอน เพราะไม่มีใครจะหยุดเข็มนาฬิกาได้”
‘2022 Life Lessons ปีนี้สอนให้รู้ว่า…’ เป็นซีรีส์สัมภาษณ์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยความตั้งใจของ becommon ที่อยากส่งต่อ 16 บทเรียนชีวิตตลอดปีของ 16 บุคคลน่าสนใจจากหลากหลายวัยและวงการ ติดตามอ่านได้ ที่นี่