pe©ple

“บาลานซ์การเป็นผู้ให้และผู้รับให้เก่งขึ้น 
ชีวิตจะได้มีความสุขอยู่ตรงกลาง
แบบที่ไม่ต้องรู้สึกว่าโดนโลกเอาเปรียบมากเกินไป”

ยชญ์ บรรพพงศ์
ครีเอทีฟและโฮสต์รายการ Untitled Case

“ปีนี้ แฟนเราไปเรียนต่อที่ฟินด์แลนด์ 2 ปี เป็นครั้งแรกที่ต้องแยกจากกันตั้งแต่คบกันมา 8 ปี เป็นเรื่องที่ต้องทำใจประมาณหนึ่ง แต่เป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้ว่าทุกความสัมพันธ์มีสิ่งที่ต้องเผชิญ มีอุปสรรคเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วก็เพื่อการเติบโตของแต่ละคน เป็นบททดสอบความเชื่อใจ แต่เราก็เมเนจอารมณ์ตัวเองได้ดีนะ เรากับแฟนก็คุยกันรู้เรื่องประมาณหนึ่งว่าจะเอายังไงต่อ”

“ตอนที่ไปส่งเขาที่ฟินแลนด์ เราได้อยู่ด้วยกันประมาณครึ่งเดือน ตอนจากกันมันเลยเศร้ามากๆ เลยรู้สึกว่าเราหวงแหนความสัมพันธ์ที่เรามี และได้รู้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เรามีหรือปัจจุบันนี้มันพิเศษแค่ไหน”

“ในแง่การงาน ตอนนี้เราทำงานที่ขายหัวเราะ ได้รับผิดชอบมากขึ้น ได้คิดอะไรใหม่ๆ รู้สึกว่าตัวเองกลับมาชอบการทำงานครีเอทีฟอีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้เราทำเอเจนซี่โฆษณา เรารู้สึกว่างานเอเจนซี่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้า ต้องคุยกับคนเยอะ แต่พอมาทำฝั่งแบรนด์มันสนุกกว่ากันเยอะ ด้วยความที่แบรนด์ขายหัวเราะมันมีเรื่องราว การได้คิดแคมเปญ ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ตอนนี้ค่อนข้างสนุกแล้วก็ท้าทาย ช่วงนี้ทำงานหนักมาก Untitled Cases ก็เติบโต มีคนฟังเยอะขึ้น ได้ออกหนังสือเล่ม 2 ได้ไปคุยกับแฟนคลับที่งานหนังสือ”

เราเหมือนเป็นเด็กคนหนึ่งที่พ่อ แม่พาไปไหนก็ไป แซลมอนพาเราไปทำอะไร เราก็ไป เราได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ ได้เป็นยูทูปเบอร์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ อยู่ในจุดที่บอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบสิ่งนี้ แต่เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ เราเป็นคนขี้อายมากและไม่คิดว่าจะได้ออกกล้องเยอะขนาดนี้ มีคนมาหาเยอะขนาดนี้ การได้เจอกับคนที่ชื่นชอบและติดตามเรา ก็เป็นกำลังใจ ทำให้เรารู้สึกว่าช่างโชคดีเหลือเกิน แม้เราจะดูเป็นคนนิสัยไม่ดีแต่ก็มีคนชอบเราเยอะขนาดนี้”

“เราเกิดมาเป็นคนที่ไม่เคยอยู่ในสปอตไลท์เลย และเราหลีกเลี่ยงเรียกสปอตไลท์มาตลอด เราไม่ใช่บุคคลที่แบกรับความคาดหวังของคนได้ขนาดนั้น เราต้องใช้เอเนอร์จีมาก เราว่าเราไม่พร้อม ไม่อยากไปอยู่ในที่ต้องคุยกับคนเยอะขนาดนั้น แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ มันกลายเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์อินโทรเวิร์ตตัวเล็กๆ อย่างเรามาก”

“เราต้องหัดรับความรัก ความใส่ใจของคนอื่นให้เป็นบ้าง ก่อนหน้านี้เราเคยชินกับการให้มาทั้งชีวิต เราชอบเป็นซัพพอร์ตเตอร์ เราชอบชงให้คนอื่นได้ดี ให้เขาเด่นกว่าเรา ถ้ามีสถานการณ์ให้เราต้องเลือกว่าจะให้คนอื่นหรือเราได้เปรียบ เราจะยอมเสียเปรียบตลอดแทบทุกครั้ง เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เหนือกว่าคนอื่น ถ้าให้ได้ ก็จะให้คนอื่นเหนือกว่า ให้เขาชนะไป เราเลยปฏิเสธการรับจากคนอื่นมาตลอด”

“แต่บางทีการเป็นผู้รับมันก็ไม่แย่ เพราะคนที่เป็นผู้ให้ เขามีความสุขกับการได้ให้คนที่เขาชื่นชอบหรือติดตาม เราต้องหัดเป็นผู้รับที่ดีบ้าง เราว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะบาลานซ์การเป็นผู้รับและผู้ให้ให้เก่งขึ้น เราจะได้ไม่เหนื่อยมาก ชีวิตจะได้มีความสุขในทางสายกลางบ้าง ในแบบที่ไม่ต้องรู้สึกว่าโดนโลกเอาเปรียบมากเกินไป”

“เราตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะเก่งขึ้นในทุกๆ ปี แน่นอนว่าต้องหาความรู้เยอะขึ้นด้วย และเราอยากเป็นคนที่ไว้วางใจได้มากขึ้น เราให้ความสำคัญกับคนที่เราทำงานด้วย เราอยากให้เขาสบายใจ ที่ผ่านมาแม้จะมีประสบการณ์แย่ๆ มากมาย แต่เราแทบจะไม่ได้ toxic ใส่คนอื่นเลย เรายังสามารถทำให้คนอื่นสบายใจได้เวลาที่อยู่กับเรา เราให้คะแนนตัวเองในเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งที่เราภูมิใจและอยากจะทำต่อไป”

‘2022 Life Lessons ปีนี้สอนให้รู้ว่า…’ เป็นซีรีส์สัมภาษณ์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยความตั้งใจของ becommon ที่อยากส่งต่อ 16 บทเรียนชีวิตตลอดปีของ 16 บุคคลน่าสนใจจากหลากหลายวัยและวงการ ติดตามอ่านได้ ที่นี่