pe©ple

‘น้องบอสของคุณแม่อายุ 29’ เป็นช่อง TikTok ที่เล่าชีวิตสนุกๆ ของ ‘บอส’ แม้ปัจจุบันเธออายุย่างเข้า 30 แล้ว แต่ทุกคนก็ยังพร้อมใจกันเรียกเธอว่า ‘น้องบอส’ 

ด้วยความน่ารัก สดใส ขี้เล่น ของบอส ที่ใครได้เห็นเป็นต้องอมยิ้ม ทำให้เธอมีผู้ติดตามบน TikTok กว่าครึ่งล้าน ดังไม่ดัง ไปเดินห้างทีไรเป็นอันต้องแฟนๆ แวะเข้ามาทักทาย

บอส – จุทรามาศ วรพงศากร

บอส – จุทรามาศ วรพงศากร เป็นพี่สาวคนโตในบรรดาพี่น้องทั้ง 3 คนของบ้าน ‘วรพงศากร’ อย่างที่ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว เธอเป็นเด็กพิเศษในกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้พัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วๆ ไป แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งนี้กลับทำให้เธอโดดเด่นกว่าใครๆ

บอสเป็นคนที่อารมณ์ดี ตบมุกเก่ง หยอกล้อกับคนอื่นๆ ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ใครได้รู้จักบอสต่างก็ชื่นชอบเธอ หากมองให้ลึกลงไป เราจะเห็นได้ว่าที่บอสเติบโตมาได้อย่างดีจนเป็นที่รักของทุกคนได้อย่างนี้ นั่นเป็นเพราะพลังของครอบครัวที่เข้มแข็งและอบอุ่น ซึ่งคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆ เธอเสมอ

(ซ้ายไปขวา) อิง แม่นาง บอส และมีมี่

เราจึงอยากชวนทุกคนไปคุยกับ แม่นาง – สงบ วรพงศากร และน้องสาวทั้งสองของเจ้บอส อิง – ปิยธิดา  และ มีมี่ – ณัฐริการ์  ที่นอกจากจะเป็นคุณแม่ เป็นน้องสาวแล้ว ยังเป็นทั้งเพื่อน เป็นตากล้อง เป็นกองเชียร์ เป็นคนพาไปช้อปปิง เป็นคนสั่งของอร่อยมาให้ และเป็นแทบจะทุกอย่างแล้วให้กับเจ้บอสคนนี้

 

กว่าจะเป็น ‘น้องบอส’ ขวัญใจชาว TikTok

 

การเป็นดาว TikTok เริ่มต้นขึ้นตอนไหน 

อิง : ป๊าบอกว่าอยู่บ้านก็ถ่ายเจ้ลงบ้างสิ เพราะเขาเห็นคนถ่ายคลิปกันเยอะมาก เราก็ไม่รู้นะว่าบ้านอื่นเป็นอย่างไร แต่เด็กดาวน์ซินโดรมบ้านเราพูดรู้เรื่อง ป๊าบอกว่าเจ้เนี่ยเป็นคนเก่งนะ เจ้ต้องดังแน่ๆ 

บอส : เธอไม่ต้องเกร็ง (บอกตัวเอง) 

อิง : แม่ก็เลยโพสต์คลิปบอสกินแซลมอน เพราะเขาชอบกินแซลมอนมาก ผ่านไปคืนเดียวก็มีคนก็เข้ามาดูเป็นล้าน ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่โพสต์ เพราะตอนแรกแม่ก็ถ่ายเกี่ยวกับวันพระ ถ่ายดอกไม้ที่เขาชอบ พอเริ่มถ่ายเจ้ก็ดังเลย คนดูเป็นล้าน มีคนมาติดตาม ถือว่าคลิปนั้นเป็นคลิปแจ้งเกิดก็ว่าได้

แม่นาง : ก็ไม่คิดว่าจะดัง ไม่คิดว่าจะมีคนมาดูเขาเยอะขนาดนี้ ทำมาประมาณปีกว่า หลังจากนั้นก็มีคลิปบอสขอตังค์ปะป๊า คนยิ่งเข้ามาติดตามเต็มเลยทีนี้

อิง : เป็นเรื่องชีวิตประจำวันของพวกเรา มีบางคลิปที่ลูกค้าจ้าง อย่างคลิปรีวิวที่ LOFT เราก็จะต้องเทรนด์เขาก่อนว่าต้องพูดแบบนี้นะเจ้ ต้องท่องนะเจ้ เพราะว่าเขาจ้างเรามา แล้วเขากลับมาจ้างเราซ้ำด้วยนะ (หัวเราะ) 

 

@mamanongboss♬ เสียงต้นฉบับ – Nangnang❤️🥰 – น้องบอสของคุณแม่ อายุ29

คลิปแจ้งเกิดของบอส

 

พอกลายเป็นดาว TikTok แล้วชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

แม่นาง : ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก คุณพ่อไปไหนก็มีคนมาทักว่าเจอคุณพ่อที่นั่น ที่นี่ บอสจะดีใจมากถ้ามีใครเข้ามาทักเขา

อิง : เวลาเธอไปห้างเธอต้องเจอเอฟซีถ้าไม่เจอเธอจะเสียใจใช่ไหม

บอส : ไม่เป็นไร โอเคอยู่

แม่นาง : จริงเหรอลูก (หัวเราะ) 

มีมี่ : แล้วคนมาทักเยอะไหม

บอส : เยอะเลย

มีมี่ : ดีใจไหม

บอส : ดีใจมากเลยหมี 

อิง : ตอนวันเกิดเขาเอฟซีทักมาขอที่อยู่เต็มเลย เพราะจะส่งของมาให้ ตอนนี้เจ้มีกิ๊บติดผมเป็นร้อยๆ อันแล้ว

พอมีแฟนๆ ก็เลยได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้วย

บอส : ทำงาน ไลฟ์สด

อิง : บ้านเราจะมีแจกรางวัลทุกไตรมาส ป๊าก็จะให้บอสไปช่วยไลฟ์ ช่วยจับรางวัล

แม่ : ได้ค่าจ้างเท่าไหร่คะ

บอส : 10 ล้าน 

ทุกคน : โห ! 10 ล้านเลยเหรอ

อิง : ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อว่า NPV 

บอส : ดีมากเลยของพ่อฉันเอง 

มีมี่ : ชอบผลิตภัณฑ์ไหนที่สุด

บอส : ชอบได้ตังค์

อิง : ไม่ใช่ หมายถึงชอบใช้อะไรมากที่สุด

บอส : ปลั๊กพ่วง 

นอกจากไอแพด ก็มีปลั๊กพ่วงนี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่บอสขาดไม่ได้เลย

 

พี่คนโต ลูกสาว และดาวน์ซินโดรม

ด้วยสกิลที่ตบมุกได้ หัวไวเป็นที่หนึ่งของบอส ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจชาว TikTok ได้ไม่ยาก แต่ใครจะเชื่อว่าเมื่อครั้งยังเด็ก เธอแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์และไม่สื่อสารกับคนอื่น ผิดกับปัจจุบันราวฟ้ากับดิน ซึ่งครอบครัวต้องผ่านวิกฤติครั้งใหญ่และอดทนใช้เวลาอยู่นานกว่าบอสจะกลายเป็นดาว TikTok เจอกล้องปุ๊บ พูดได้ปั๊บ ราวกับมืออาชีพ อย่างทุกวันนี้

เรื่องราว ‘ลูกสาวคนแรก’ ของแม่นาง

แม่นาง : คุณแม่ท้องนาน 10 เดือน สงสัยว่าทำไมไม่คลอดสักที ก็เลยไปหาคุณหมอ หมอบอกว่าเกินกำหนดแล้วเลยให้เราไปนอนโรงพยาบาล ผ่านไป 4 วันเขาก็ยังไม่คลอดสักทีเลยตัดสินใจผ่า ตอนเกิดมาเขาหนักมากเลย เกือบ 4 โล ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร เขาจะยกมือท่าทางแปลกๆ ลูกไม่ร้อง ไม่รู้สึกอะไรเลย ก็เลยสงสัยว่าทำไมเป็นแบบนี้ จนกระทั่ง 2 เดือนผ่านไป คุณหมอก็โทรมาบอกเรา 

ตอนที่รู้ว่าบอสเป็นดาวน์ซินโดรม แม่นางรู้สึกอย่างไร

แม่นาง : ตกใจนะ แต่รู้สึกถึงความเงียบไปชั่วขณะ เราสงสารลูกมากและคิดว่าจะเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด มองหน้าป๊าแล้วก็บอกป๊าว่าไม่เป็นไรนะ 

เขาเป็นลูกคนแรกในครอบครัวคนจีน  อากง อาม่า เขาจะบอกว่าเฮงๆ อาม่าบอกว่าเขาเกิดมาให้โชค อาม่าก็บอกว่าเด็กแบบนี้เขาเกิดมาดี ต้องเลี้ยงเขาดีๆ แต่ก่อนตอนที่เรายังอยู่บ้านเดียวกันกับอาม่า เราก็ช่วยกันเลี้ยง

รับมืออย่างไรกับการเลี้ยงลูกคนแรกที่เป็นดาวน์ซินโดรม

แม่นาง : เราพยายามเลี้ยงเขาด้วยตัวเอง เลี้ยงตามปกติ เพียงแต่พัฒนาการของเขาจะช้ามากๆ เขาเพิ่งหัดคลานตอน 2 ขวบ เริ่มหัดเดินตอน 3 ขวบ ยิ่งแต่ก่อนเขาจะไม่พูดเลยและเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก 

อิง : ยิ่งตอนเด็กๆ เวลาไปห้างคลาดสายตาไม่ได้เลย เขาชอบหนี ชอบหาย 

แม่นาง : เพิ่งจะมาพูดรู้เรื่อง พูดเก่งตอนผ่าตัดหัวใจเสร็จ ประมาณ 10 ขวบ 

อยากให้เล่าถึงการผ่าตัดครั้งนั้นที่เปลี่ยนชีวิตของบอสและครอบครัว

แม่นาง : ผ่าตัดหัวใจ ครั้งแรกที่แม่รู้ว่าเขาเป็นหัวใจคือตอนอายุ 8 ขวบ เราพาเขาไปหาหมอที่คลินิก แล้วคุณหมอทักว่าน้องเล็บเขียว คุณแม่ต้องพาน้องไปเช็คร่างกายแล้วนะ ตอนนั้นผอมมาก น้ำหนักแค่ 8 กิโลฯ เราเลยพาไปโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนคุณหมอเขาก็แนะนำให้ฉีดสี ถึงรู้ว่าหัวใจเขารั่วหมดเลยทั้ง 4 ห้อง 

จากนั้นคุณหมอก็ส่งต่อให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คุณหมอที่นั่นบอกว่าถ้าเขาเปลี่ยนหัวใจ เขาจะอยู่ได้แค่ปีเดียว แต่ถ้าผ่าตัด เปอร์เซ็นต์รอดจะไม่มีเลย เราก็คิดกันกับคุณพ่อว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเปลี่ยนหัวใจเขาอยู่ได้แค่ปีเดียว แต่ถ้าผ่าตัด ถ้าดวงลูกยังอยู่กับเรา เขาก็จะได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต เลยตัดสินใจผ่าตัด คุณหมอบอกว่าถ้าภายใน 7 วันยังไม่ฟื้น ก็เตรียมทำใจได้เลย ตอนนั้นเราวิ่งหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระแม่อุมา แล้วบอกว่าเราจะไม่กินเนื้อตลอดชีวิตเลย

เขาอยู่ห้องไอซียู ตอนนั้นสายระโยงระยางเต็มตัวเยอะมาก จนอาม่าเห็นแล้วเป็นลม จนกระทั่งเขาฟื้นในวันที่ 6  คำแรกที่เขาพูดคือ “ซี่ๆ”

บอส : เป๊บซี่

แม่นาง : เอาน้ำเปล่าหยอดเขาถุยออกมาหมด เลยบอกคุณหมอว่าน้องชอบกินเป๊บซี่มาก พยาบาลเลยไปกดเป๊บซี่มาให้ หยอดเข้าไป โอโห น้องดูดใหญ่เลย (หัวเราะ)

บอส : รู้ล่ะซี้

แม่นาง : แต่ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว แต่ก่อนชอบกินเป๊บซี่ แต่กระเพาะไม่ดี ต้องไปนอนโรงพยาบาล 3 คืน คุณหมอเลยให้กินโค้กแทน แค่วันละ 1 ขวด

หลังผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้าง

แม่นาง : พอผ่าตัดเสร็จ น้ำหนักก็ขึ้น ตอนนั้นเขาได้เลือดเยอะด้วย ก็ดีเลย เริ่มคุย เริ่มพูดรู้เรื่อง แล้วก็พูดเก่งมากๆ เพราะว่าเขาดู ‘เป็นต่อ’ ด้วย ดูทุกตอนเลยนะ ชอบใครคะ

บอส : พี่ยม พี่อู๊ด

อิง : เขาชอบดูหนัง แล้วเขาก็พูดตามหนัง เราก็ปล่อยให้เขาดู ทุกวันนี้ก็ยังดูอยู่ 

มีมี่ : เขาจะเปิดซีดีในทีวี แล้วก็จะใช้ไอแพดถ่ายจากหน้าจอทีวีอีกที เวลาไปไหนเขาก็จะเปิดดูคลิปนั้นจากไอแพด 

แม่นาง : ถ้ามีใครเข้ามาเสียงดัง เขาก็จะบอกว่า เฮ้อ ต้องทำใหม่อีกแล้ว 

อิง : ถ่ายทำไมไม่รู้ ถ่ายทั้งวัน แล้วก็ห้ามเข้าไปเสียงดัง เพราะเขาจะต้องถ่ายใหม่ เขาไม่ชอบใช้อินเทอร์เน็ต ไม่รู้เป็นอะไร ก็ดูในเน็ตได้ (หัวเราะ)

บอส : ไม่เหมือนกันนะน้องหญิง

(ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน) 

กระเป๋าใส่ซีดีหนาปึ้กของบอส

ก่อนจะช่างพูด ช่างเจรจาอย่างทุกวันนี้ บอสตอนเด็กๆ เป็นอย่างไร

แม่นาง : เขาดื้อมาก มีประวัติเอามีดโกนเฉือนน้องอิงตรงขาสองฝั่ง แล้วเขารู้สึกผิดเขาก็เอามาเฉือนนิ้วตัวเอง เพราะเขาก็รู้สึกผิด เพื่อเป็นการบอกว่าเขาก็เจ็บเหมือนกันแล้วนะ คุณแม่ไม่ด่าเขานะ

บอส : ขอบใจ (กระซิบ)

มีมี่ : บอสเขาไม่ค่อยชอบหมา เคยปล่อยน้องเบล (หมาฮัสกี้ที่เลี้ยงไว้) ออกจากบ้านไปเลย

อิง : เคยเอาสเปรย์แอลกอฮอล์ไปฉีดใส่ขนมหมาด้วย ไม่รู้ฉีดทำไม (หัวเราะ)

แม่นาง : เคยเทวาสลีนทิ้งแล้วเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาใส่แทน มีครั้งหนึ่งที่ตื่นเต้นกันทั้งบ้านคือลิ้นติดตู้เย็น 

อิง : เขาดูเรื่องนาร์เนีย แล้วในเรื่องตัวละครเอาลิ้นไปแตะน้ำแข็งแล้วลิ้นมันยืดออกมาได้ วันนั้นก็รู้สึกว่าทำไมบอสหายไปนานจัง ก็เลยเดินลงมาดูแล้วเห็นบอสเอาหน้าจ่ออยู่ตรงตู้เย็นแล้วลิ้นติด

แม่นาง : เขาเอามือแซะแล้วแต่ไม่ออก คุณแม่เลยไปช่วยแซะจนออกแล้วพาไปหาหมอตอนเที่ยงคืน

บอสในวัยเด็ก

ครอบครัวมีส่วนช่วยอย่างไรให้บอสมีพัฒนาการที่ดีขึ้น

อิง : แต่ก่อนหนูอยู่กับเจ้ตลอด นอนห้องเดียวกัน เราก็ชวนเล่น ชวนคุย เวลาหนูเล่นเกมก็ชวนเขาเล่นด้วย เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก จนเพิ่งมาแยกกันตอนอายุ 14 น่าจะเป็นเพราะสิ่งนี้ 

แม่นาง : ทำอะไรก็เรียกเจ้ เจ้มาเล่นนี่กัน มาทำนี่กัน 

อิง : เพราะไม่มีเพื่อน (หัวเราะ) เธอก็เลยเป็นเพื่อนฉัน 

แม่นาง : ทุกวันนี้ลูกกลับมาก็ยังเข้าไปอยู่ห้องคุณแม่ เล่นกัน 2-3 ทุ่มถึงจะแยกย้ายทุกวัน ใครขึ้นไปก็เรียก “เจ้ ! มานี่เร็ว” 

อิง : ต้องแกล้ง ต้องคุย ต้องถาม ถามว่าวันนี้กินอะไร ต้องให้เขาบอก ไม่ให้ตอบอืออย่างเดียว

แม่นาง : เราต้องคุยกัน ไปเที่ยวก็ต้องพาไปด้วยตลอด บ้านเราเที่ยวกันบ่อยมาก ปะป๊าก็จะต้องเตรียมรถเข็นให้เขา เพราะเขาต้องนั่ง ทุกอย่างอยู่ที่ครอบครัว พี่น้อง ทุกคนในบ้าน เราต้องให้ความอบอุ่นเขา ไปไหนเราก็ต้องพาเขาไปด้วย 

อิง : สิ่งสำคัญคืออย่าให้เขาอยู่คนเดียว อย่าไปคิดว่าเขาคุยไม่รู้เรื่อง แต่ต้องให้คนอยู่ด้วย คอยคุยด้วย มันต้องมีคนถามให้เขาตอบ เดี๋ยวเขาก็จะพูดรู้เรื่องเอง

แม่นาง : เพียงแต่ลูกจะช้าหน่อย เราก็ต้องไม่ท้อ ความจริงมันก็เป็นทุกข์เหมือนกันเพราะลูกเราไม่เดิน ทำอะไรไม่ได้เลยในตอนแรกๆ แต่เราก็อดทน ทุกคนในครอบครัวช่วยกัน น้องก็ดีขึ้นมาเอง

 

คุณแม่ฟูลไทม์และสามใบเถา

อยากให้เล่าชีวิตของคุณแม่ฟูลไทม์ที่ดูแลลูกสาวทั้ง 3 คน

แม่นาง : ตั้งแต่คลอดลูก เราก็ดูแล รับ ส่งลูกจนเรียนจบ ลูกเรียนอยู่แถวสีลม คนละโรงเรียน แล้วบ้านเราอยู่พระประแดง คุณแม่ก็จะวนอยู่แค่นี้ รู้จักทุกซอกซอยของสีลม เวลาไปรับน้องๆ ก็จะพาบอสไปด้วย ต้องนั่งรอในรถ 3-4 ชั่วโมง คุณแม่ก็รอได้เพราะรถมันติด เราจะห่วงลูกตลอด จะไม่ให้ลูกรอเราเลย

อิง : ตอนเด็กๆ ป๊าเขาทำงานคนเดียว เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ก่อนป๊าเขาต้องขับรถส่งของ ป๊าต้องขับรถไปโคราช ขับรถลงของเอง ไปต่างจังหวัด ไปจีน เราก็เลยได้อยู่กับแม่มากกว่า 

แม่นาง : คุณแม่ก็เลยต้องมีหน้าที่ดูแลลูกเอง เราไม่ให้ใครดูแลคือคุณแม่ดูแลเองหมด หลังจากนั้นก็มีอี๊มาช่วยดูตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ 

(อี๊ เป็นน้องสะใภ้ของแม่นาง เป็นพี่เลี้ยงที่ช่วยดูแลเด็กๆ) 

แม่นางเคยเล่าว่าพี่น้องบ้านนี้แทบไม่ทะเลาะกันเลย มีวิธีสอนลูกๆ อย่างไร

แม่นาง : เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน ไม่ว่าจะไปโรงเรียน ไปเที่ยวที่ไหน ลูกบอกแม่ว่ากลับมืดนะ แม่ก็ไว้ใจลูก เหมือนเพื่อนกัน ทุกวันนี้ก็ยังเรียกกันว่าฉันกับเธอ 

อิง : เคยทะเลาะกันก็ตอนเด็กๆ แต่โตมาไม่ทะเลาะเลย 

แม่นาง : ตอนนั้นเขาค่อนข้างติดเพื่อน ทำให้แม่รอนานเลย เราเลยน้อยใจว่าทำไมไม่ถามสักคำว่าแม่รอนานไหม แม่กินข้าวหรือยัง ตอนนั้นเขาเป็นวัยรุ่น แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเขาเป็นพี่คนโตของครอบครัว เขารักน้อง รักเจ้ ดีมากๆ ที่ลูกๆ ไม่เคยทะเลาะกันเลย

อิง : แล้วฉันกับเธอเคยทะเลาะกันไหม  (ถามบอส)

บอส : ไม่เค้ย 

แม่นาง : แล้วรักน้องไหม

บอส : หูย คนนี้ (อิง) สั่งอาหาร คนนี้ (มีมี่) เลี้ยงข้าวค่ะ 

แม่นาง  : พี่น้องรักกันมาก โชคดีที่น้องสาวเข้าใจทุกเรื่อง 

อิง : มีอยู่เรื่องเดียวที่ไม่เข้าใจคือเจ้ชอบหาย ไปเมืองจีนก็หาย เดินสวนสาธารณะอยู่ดีๆ ก็หาย ไปไหนไม่เป็นสุขเลยเพราะว่าจะต้องหาย แล้วก็ต้องตามหา (หัวเราะ) 

การเป็นแม่ถือเป็นงานหนักอย่างหนึ่ง แล้วแม่นางอยากประสบความสำเร็จกับงานของแม่อย่างไร

แม่นาง : อยากเห็นลูกเติบโตเป็นคนดี ทำงานเป็นหลักแหล่งเท่านี้ก็พอแล้ว ที่สำคัญคืออยากให้ลูกทุกคนมีความสุข

แม่นางในฐานะลูกสาวของคุณพ่อ คุณแม่เป็นอย่างไร 

แม่นาง : แม่เติบโตที่บ้านนอกค่ะ บ้านเราลำบากมากก็จริง แต่คุณพ่อ คุณแม่ก็เลี้ยงลูกมาจนโตได้ แล้วลูกแต่ละคนเป็นคนดีทุกคน เพราะพ่อกับแม่สอนลูกดีมาก เราบอกไม่ถูกว่าเขาสอนอย่างไร แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะรักลูกที่สุด ถ้ามีอะไรมาสร้างความลำบากใจให้ลูก แม่จะขอรับไว้คนเดียว ไม่ให้ลูกต้องเดือดเนื้อร้อนใจด้วย และเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด 

ถามลูกสาวทั้ง 3 ว่าประทับใจสิ่งไหนในตัวคุณแม่

อิง : แม่ไม่ดุ ไม่เคยว่าเลย เป็นคนง่ายๆ สบายๆ จะไปไหน ทำอะไร กลับบ้านดึก เขาก็จะไม่ว่า มีแต่เราที่บ่นแม่ว่าทำไมไม่ทำอย่างนู้น อย่างนี้ แต่แม่กลับไม่เคยบ่นเราเลย ไม่ตีด้วย เลยทำให้เราเกรงใจไปเอง เวลาเขาพูดอะไรเราจะกลัว เพราะเขาไม่เคยพูด คือถ้าเขาพูดแสดงว่ามันสุดจริงๆ ต้องรู้ตัว (หัวเราะ) 

อย่างตอนเด็กๆ เราชอบดาราเกาหลีมาก เราก็ไปรอห้างเปิด ป๊าก็ไม่ให้ไปแต่สุดท้ายแม่ก็ไปส่งอยู่ดี แล้วแม่ก็ไปรอห้างเปิดกับเรา

มีมี่ : แม่ไม่เคยว่า ทำอะไรแม่ก็ไม่บ่นเลย

แม่นาง : นั่นคือสิ่งที่ลูกทุกคนประทับใจ (หัวเราะ) ลูกอยากทำอะไรทำ อยากเรียนอะไรก็เลือกเอง จะได้เกรดเท่าไหร่ไม่เป็นไร เพราะเราไม่เคยบอกว่าลูกต้องเป็นแบบไหน

บอสล่ะ ประทับใจในตัวคุณแม่

บอส : แม่ทำอาหารอร่อย สุดยอดเลยอาหารของเธอ 

ชอบเมนูไหนที่คุณแม่ทำมากที่สุด

บอส : ผัดผักบุ้งค่ะ ผัดปวยเล้ง ผัดใบมัน ปลาก็ชอบกินด้วย

แม่นาง : คุณแม่จะดุครั้งหนึ่งคือตอนน้องบอสแอบกินโค้ก (หัวเราะ)

 

@mamanongbossวันนี้คุณแม่มีเรื่องเล่าของน้องบอสค่ะ😁บอสแอบคุณแม่กินโค้ก สามขวด ค่ะทุกคน คุณแม่ก็โกรธซิคะ บอส แอบอัดคลิปขอโทษคุณแม่😁🥰แม่รักน้องบอสที่สุดนะลูก😘😘♬ เสียงต้นฉบับ – Nangnang❤️🥰 – น้องบอสของคุณแม่ อายุ29

บอสขอโทษคุณแม่เนื่องจากกินโค้กเกิน 1 ขวด

 

อิง : แล้วมีเรื่องที่ประทับใจอะไรในตัวแม่อีก

บอส : แม่พาไปเที่ยว ฉันชอบดูหนังไง หนังเรื่องใหม่ เรื่องคุณชายที่มีพี่แจม 

(แจม – รชตะ หัมพานนท์ เป็นนักแสดงที่บอสชื่นชอบ)

อิง : บอสนอนห้องเดียวกับอี๊ แล้วอี๊ชอบดูละครช่อง ONE เขาก็เลยได้ดูด้วย ปกติเขาไม่ดูเลยนะ เขาก็นอนเล่นไอแพดของเขาไป แต่พอเป็นเรื่องคุณชาย แล้วเจอพี่แจม เขาก็ติดมาก

แม่นาง : เห็นเจ้ชอบ น้องๆ ก็เลยจัดการจองตั๋วงานแฟนมีตให้ มีมี่ออกเงินค่าตั๋วให้ด้วย 

บอส : ติดผู้ชายแล้วตอนนี้ ติดละคร ช่อง ONE

(ทุกคนหัวเราะ)

บอส : อย่าพูดถึงพี่แจมสิ ฉันเขินนะจ๊ะ 

แล้วสิ่งที่แม่นางประทับใจในตัวลูกๆ คืออะไร 

แม่นาง : น้องหญิงซัพพอร์ตคุณแม่ดีมาก เขารู้ว่าคุณแม่อยากได้อะไร วันเกิดเขาก็หานู่นนี่ให้ หานู่นหานี่ให้เวลารู้ว่าคุณแม่ชอบอะไร เขาก็จะสั่งมาให้ แต่สิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือ ลูกทุกคนเป็นคนดี น่ารัก อยู่กับแม่ตลอดไม่เคยทิ้งให้คุณแม่เหงา ดูแลคุณแม่ดีมาก

ส่วนน้องบอส ประทับใจในความเป็นบอส เขาเป็นเหมือนลูกคนเล็กในบ้าน เขาจะเป็นเด็กตลอดเวลาและเป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในบ้าน การที่มีลูกแบบน้องบอสทำให้แม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ

คำถามนี้ชาเลนจ์มาก ระหว่างน้องสาวกับพี่แจม เจ้บอสรักใครมากกว่ากัน 

บอส : มีมี่ค่ะ

(ทุกคนหัวเราะ) 

อิง : อ้าว ทำไมรักมีมี่แค่คนเดียวล่ะ

บอส : ฉันก็รักทุกคนนั่นแหละ รักนะ~ .

 

ติดตามบอสและครอบครัวได้ที่

TikTok : น้องบอสของคุณแม่ อายุ29

Facebook page : น้องบอสfamily

Youtube : NongBOSSFamily