pe©ple

22 กันยายนของทุกปี คือวันแห่งความทรงจำที่ชวนให้บรรดาวัยรุ่นยุค 90 ผู้เติบโตท่ามกลางกระแสเพลงป็อปสากล หวนคิดถึงวงดนตรีในอดีตที่น่าจดจำอย่าง M2M

เพราะเป็นวันที่ปรากฏอยู่ในเนื้อร้องของเพลง The Day You Went Away หนึ่งในผลงานยอดนิยมตลอดกาล และทำให้วงนี้โด่งดังสูงสุดจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย

แต่ไม่ทันไร ความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นขณะนั้น กลับเป็นสาเหตุที่ทำให้วง M2M ต้องยุติบทบาทลงในเวลาอันสั้น คงเหลือไว้เพียงงานเพลงและเสียงร้องของสองสาวศิลปินคู่หู ที่ยังเป็น ‘ตำนาน’ ไม่มีวันตายจนถึงตอนนี้

becommon ชวนแฟนเพลงมาทำความรู้จักกับวง M2M และย้อนดูเส้นทางเดินบนถนนสายดนตรีป็อปของพวกเธอ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันลา สำหรับผู้ฟังแล้ว นี่อาจเป็นความรู้สึกน่าเสียดายและน่าเสียใจทุกครั้งเมื่อนึกถึง ไม่ต่างจากท่อนหนึ่งของเพลง The Day You Went Away ที่บอกว่า ‘…so sad but true…’

 

มิตรภาพสร้างวงดนตรี

เดิมที มาริต ลาร์เซน (Marit Larsen) และ มาริออน ราเวน (Marion Ravn) เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนตั้งแต่อายุห้าขวบ แต่ด้วยความสนใจด้านการร้องเพลงและเล่นดนตรี ตอนอายุได้แปดขวบ ทั้งคู่จึงตั้งวงขึ้นมาเล่นด้วยกัน แล้วเรียกชื่อวงตามยี่ห้อหมากฝรั่งที่พวกเธอชอบเคี้ยวว่า Hubba Bubba

มาริออนเก่งเปียโน ส่วนมาริตเก่งกีตาร์ ความสามารถพิเศษด้านดนตรีเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้ร่วมแสดงกับนักดนตรีมืออาชีพอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งในปี 1996 ด้วยวัยเพียงสิบกว่าขวบ มาริตและมาริออนก็แจ้งเกิดเป็นศิลปินเด็กวัยใส โดยออกอัลบั้มเพลงครั้งแรกด้วยภาษานอร์เวย์ในชื่อ Synger Kjente Barnesanger ส่วนชื่อวง พวกเธอตั้งเอาง่ายๆ ตามชื่อของแต่ละคนว่า Marit & Marion

Photo: Courtesy of EMI Music
Photo: Courtesy of EMI Music

แต่ทั้งคู่ฝันไกลออกไปมากกว่าจะหยุดอยู่แค่ในประเทศบ้านเกิดอย่างนอร์เวย์ ปี 1998 มาริตและมาริออนจึงร่วมกันแต่งเพลงป็อปพร้อมกับบันทึกเสียงเป็นเดโม่ แล้วส่งไปยังค่ายเพลงยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ในที่สุดผลงานของพวกเธอก็เป็นที่ถูกอกถูกใจ Atlantic Records ค่ายเพลงดังสัญชาติอเมริกัน จนได้เซ็นสัญญาร่วมเป็นศิลปินในสังกัด และตั้งชื่อวงใหม่โดยตั้งใจย่อมาจากชื่อเดิมให้กระชับว่า M&M แต่ทางค่ายไม่อยากให้ใช้ชื่อซ้ำกับขนมช็อกโกแลตเคลือบน้ำตาล มาริตและมาริออนจึงคิดกิจกรรมให้แฟนเพลงร่วมสนุกกันตั้งชื่อวง จนได้ชื่อใหม่ที่ฟังดูเข้าท่ากว่าว่า M2M

 

ความดังที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้

M2M เปิดตัวด้วยซิงเกิล Don’t Say You Love Me ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงประกอบภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Pokémon: The First Movie (1998) แม้จะถูกเปิดเฉพาะช่วงขึ้นเครดิตท้ายเรื่อง แต่กระแสของภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและทำเงินสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศในสหรัฐอเมริกา พลอยทำให้ M2M เริ่มเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในหลายประเทศโดยเฉพาะออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

เมื่อทางค่ายเห็นโอกาสจากความดังที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น จึงโหมโปรโมตวง M2M ครั้งใหญ่ ตอนนั้นมาริตและมาริออนต้องเดินสายร้องเพลงออกรายการโทรทัศน์และคลื่นวิทยุจำนวนมาก เพราะค่ายเพลงต้องการปูทางเตรียมความพร้อมสำหรับออกอัลบั้มเต็มครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เพลงป็อปของศิลปินตะวันตกมักจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

แล้วก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ในเดือนมีนาคม ปี 2000 มาริตและมาริออนได้ปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวง M2M โดยใช้ชื่อว่า Shades of Purple แค่สัปดาห์เดียวเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อัลบั้มนี้ขายได้มากกว่าหนึ่งแสนแผ่น

Photo: Courtesy of Atlantic Records/Warner Music

สาเหตุหลักเกิดจากภาพลักษณ์คู่หูดูโอ้ตัวแทนหญิงสาววัยใสไร้เดียงสา เพราะมาริตมีอายุ 17 ปี ส่วนมาริออนมีอายุ 16 ปีเท่านั้น ประกอบกับเสียงอ่อนหวานน่าฟังซึ่งเป็นทั้งจุดเด่นและจุดขายของวง M2M ที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง เพราะในเวลานั้น ศิลปินเพลงป็อปที่ครองตลาดส่วนใหญ่เป็นศิลปินกลุ่มแบบบอยแบนด์หรือไม่ก็เกิร์ลกรุ๊ป

 

ป็อปไอคอนขวัญใจวัยรุ่น

ความน่าสนใจของ 14 บทเพลงในอัลบั้ม Shades of Purple คือ เป็นแนวเพลง bubblegum pop ทั้งหมด หมายถึง เพลงป็อปเอาใจวัยรุ่นที่ใช้ทำนองง่ายๆ ฟังแล้วให้ความรู้สึกร่าเริงสดใสคล้ายกับการเคี้ยวหมากฝรั่งรสหวาน เป็นความเพลิดเพลินที่สร้างประสบการณ์สนุกสนานและสีสันให้ชีวิตตามประสาวัยกำลังโต จึงทำให้เป็นอัลบั้มที่มีเพลงดังติดอันดับและติดหูเกือบทุกเพลง เช่น Mirror Mirror และ Everything You Do

อัลบั้มแรกของวง M2M มียอดขายรวมทั่วโลกมากกว่าล้านแผ่น ขึ้นแท่นครองอันดับหนึ่งใน Top Heatseekers chart ของนิตยสารบิลบอร์ด ซึ่งจัดอันดับเฉพาะผลงานเปิดตัวของศิลปินหน้าใหม่ รวมถึงติดอันดับต้นๆ บนชาร์ตเพลงยอดนิยมในอีกหลายประเทศทั่วเอเชีย อย่างในประเทศไทย สองบทเพลงจากอัลบั้มแรกที่ดังเป็นพลุแตกและยังมีคนฟังจนถึงตอนนี้คือ The Day You Went Away และ Pretty Boy

กระแสตอบรับจากแฟนเพลงทำให้มาริตและมาริออนได้เดินทางไปโปรโมตอัลบั้มทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ เช่น รายการดนตรี Top of the Pops ของอังกฤษ แต่รายการที่สร้างชื่อให้พวกเธอกลายเป็นป็อปไอคอนหรือศิลปินขวัญใจเด็กและวัยรุ่น คือ Disney Channel in Concert หลังจากนั้นวง M2M ได้เดินสายแสดงดนตรีตามโรงเรียนมัธยมทั่วสหรัฐอเมริกา และได้ทัวร์คอนเสิร์ตเป็นวงเปิดให้กับ Hanson ในเวลาต่อมา

 

การเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏ

ถึงแม้จะมีชื่อเสียงและทำยอดขายได้หลักล้านแผ่น แต่นักลงทุนของค่ายเพลงกลับเห็นตรงกันว่า วง M2M ยังอยู่ในความเสี่ยงที่หากลงทุนไปแล้วอาจได้ไม่คุ้มเสีย จึงจำกัดงบประมาณเกี่ยวกับการโปรโมตทุกช่องทาง พอดีกับช่วงที่มาริตและมาริออนผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นแล้วเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จนทำให้เสียงร้องสดใสที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของวงเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้แนวเพลงในอัลบั้มต่อมาต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ในปี 2001 วง M2M ออกอัลบั้มที่สองในชื่อ The Big Room ซึ่งใช้เวลาบันทึกเสียงร้องเพียง 6 วัน โดยเปลี่ยนแนวเพลงเป็นป็อปร็อกที่จริงจังมากกว่า bubblegum pop แล้วเริ่มเปิดตัวในประเทศแถบเอเชียก่อนยุโรปและตะวันตก ด้วยเพลง Everything และ What You Do About Me

Photo: Courtesy of Atlantic Records/Warner Music

ความพิเศษของเพลง What You Do About Me ที่เหนือความคาดหมายแฟนเพลงชาวไทย คือ สองสาวศิลปินเดินทางมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอที่จังหวัดกระบี่ แต่ยอดขายอัลบั้มนี้กลับไม่ดีเท่าอัลบั้มก่อน เมื่อขายได้ไม่ตรงเป้า ทางค่ายตัดสินใจหยุดโปรโมต กระแสความนิยมของวง M2M จึงตกลงและเสื่อมความนิยมไปในที่สุด เพราะผู้ฟังส่วนใหญ่คุ้นเคยกับภาพจำความเป็นหญิงสาววัยรุ่นของทั้งคู่มากกว่า

ด้วยความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นขณะนั้น ทำให้ทั้งมาริตและมาริออนเริ่มทบทวนเส้นทางสายดนตรีของตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้มาริออนต้องร้องเพลงคนเดียว ระหว่างที่มาริตพักรักษาตัวจากอาการไม่สบาย เกิดเป็นแนวคิดว่า จริงๆ แล้วต่างคนต่างร้องเพลงก็สะดวกไปอีกแบบ อีกอย่างแต่ละคนจะได้ไปทำเพลงในแบบที่ตัวเองชอบได้อิสระกว่าเดิม

ท้ายที่สุด มาริตและมาริออนตัดสินใจยุบวงแล้วกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิดในประเทศนอร์เวย์ ก่อนจะแยกทางกันออกผลงานเพลงเดี่ยวตามแนวทางที่แต่ละคนถนัด โดยทั้งคู่ยังคงรักษามิตรภาพและความเป็นเพื่อนรักต่อกันไว้ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

 

M2M ในความทรงจำ

หนึ่งปีให้หลัง แม้จะยุบวงไปแล้วแต่ทางค่ายเพลงได้ออกอัลบั้มทิ้งท้ายวง M2M หวังให้แฟนเพลงได้เก็บความทรงจำและช่วงเวลาดีๆ เอาไว้ โดยคัดเลือกเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดมารวมเป็นอัลบั้ม The Day You Went Away: The Best of M2M ในปี 2003

Photo: https://www.reddit.com/r/Cd_collectors/

และเพื่อระลึกถึงวันวานเมื่อครั้งยังมีวง M2M แฟนเพลงจึงถือวันที่ 22 กันยายน เป็นวันสำคัญของวง โดยหยิบยกมาจากเนื้อร้องของเพลง The Day You Went Away ท่อนที่บอกว่า

I remember date and time
September twenty second Sunday twenty five after nine
In the doorway with your case
No longer shouting at each other there were tears on our faces

ซึ่งเป็นวันและเวลาที่ความสัมพันธ์ของคู่รักในเพลงต้องจบลง แม้จะสื่ออารมณ์และความรู้สึกเศร้าเพราะต้องแยกทางกับคนรักเก่า แต่สำหรับแฟนเพลง นี่คือสิ่งเดียวที่ช่วยทำให้พวกเขาหายคิดถึงวง M2M ได้

Photo: Courtesy of M2M

ทุกวันนี้ มาริตและมาริออนยังคงมีผลงานเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยว และได้รับการสนับสนุนจากแฟนเพลงอย่างอบอุ่น เป็นความสุขที่ทั้งคู่พอใจในเส้นทางดนตรีที่ตนเลือกเดิน

 

อ้างอิง