คุณดื่มกาแฟเพราะอะไร
ถ้าเป็นสมัยก่อน คำตอบที่แทบจะเอกฉันท์คือ ‘แก้ง่วง’
แต่ถ้าถามคอกาแฟยุคนี้ จะพบคำตอบที่หลากหลายกว่านั้น
“ชอบกลิ่นที่หอมกรุ่น”
“ชอบรสชาติขมอันกลมกล่อม ซับซ้อน และน่าค้นหา”
“ชอบบรรยากาศของการดื่มกาแฟ”
หรือบางคนที่อธิบายไม่ถูก แต่ให้เหตุผลที่ดีกว่านั้นว่า “เพราะกาแฟดีๆ สักแก้วยามเช้า คือการเริ่มต้นวันใหม่ที่สมบูรณ์”
ทุกคำตอบ สะท้อนให้เห็นว่า วันนี้เราไม่ได้ดื่มกาแฟแค่แก้ง่วงอีกต่อไป
แต่ได้เดินทางมาไกล ไปถึงสุนทรียะอะไรบางอย่าง ที่มาช่วยเติมเต็มหนึ่งวันให้สมบูรณ์
แล้วเรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร
หากคุณเคยสงสัย common จะพาไปหาคำตอบ
ว่าเมื่อก่อนมนุษย์ดื่มกาแฟกันแบบไหน แล้วเป็นมายังไง กาแฟจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่เติมความสุขให้ใครหลายคนได้ขนาดนี้
เมื่อก่อนเราไม่ได้ดื่ม แต่เริ่มต้นด้วยการเคี้ยวเมล็ด
ใครคือคนที่เริ่มต้นกินกาแฟ?
นี่คือคำถามที่พา common ย้อนเวลาไปที่จุดเริ่มต้นของการดื่มกาแฟ
พบว่า กาแฟเริ่มเป็นของกินในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 โดยชาวเยเมนในดินแดนอาระเบีย
แต่พวกเขาไม่ได้เอาเมล็ดมาบด แล้วต้มดื่ม แต่กินกันแบบง่ายๆ ด้วยการเคี้ยวเมล็ด ไม่ต่างจากการกินถั่ว
เพราะตอนนั้นกาแฟเป็นแค่ของกินแก้ง่วง เวลาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาช่วงกลางคืนของพวกเขาเท่านั้น
กระทั่งปี ค.ศ.1500 ชาวอาระเบีย ถึงได้เริ่มเอากาแฟมาต้มเป็นน้ำ แล้วใช้ดื่มแทนการเคี้ยวเมล็ด
แต่ก็ทำกันแบบง่ายๆ ด้วยการใส่กาแฟในภาชนะ แล้วตามด้วยน้ำเดือด เพื่อให้ได้กลิ่นที่น่าดึงดูด แต่ยังไม่มีการกรองเอากากกาแฟออก ทำให้กาแฟทั้งข้นและขม
การดื่มกาแฟของพวกเขาในช่วงนี้ ก็ยังเกาะเกี่ยวอยู่กับเรื่องศาสนา
เพราะใช้เป็นเครื่องดื่มกลางคืนในช่วงเทศกาลรอมดอน โดยมักจะรวมตัวกันดื่มบริเวณศาสนสถานหรือลานกว้างต่างๆ
ถึงแม้จะยังไม่พิถีพิถันนัก แต่ก็อาจกล่าวได้ว่า กาแฟเริ่มเป็นเครื่องดื่มเพื่อสังคมแล้ว
แต่ที่เด่นชัดจริงๆ คงเป็นช่วง ค.ศ.1510 ที่เริ่มมีร้านกาแฟ หรือ Coffee House เกิดขึ้นในดินแดนตะวันออกกลาง แต่ด้วยความที่กาแฟเกี่ยวพันอยู่กับศาสนา ก็เลยมีข้อถกเถียงเกิดขึ้น ว่ากาแฟขัดต่อหลักศาสนาอิสลามหรือไม่ เพราะร้านกาแฟเหล่านั้นมักเป็นศูนย์รวมของอบายมุข เช่น เล่นการพนัน จับกลุ่มนินทา เป็นต้น
อรรถรสของกาแฟในช่วงนี้ ก็ต้องบอกว่าบรรยากาศนำรสชาติ คือคนมาดื่มกาแฟเพื่อความสุขบางอย่างที่มากกว่าการแก้ง่วง
ยุโรป จุดเปลี่ยนทั้งวิธีชง รสชาติ และบรรยากาศของร้านกาแฟ
ถ้าจะบอกว่าความสุนทรีย์ ในการดื่มกาแฟเริ่มต้นเมื่อไหร่
คงต้องยกเครดิตเรื่องนี้ให้ชาวยุโรป
กาแฟเริ่มเข้าสู่ยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 แต่เริ่มแพร่หลายในศตวรรษที่ 17 หลังจากบรรดาชนชั้นสูงของยุโรป ได้ลิ้มชิมรสของกาแฟจากผู้แทนการทูตจากออตโตมัน ที่นำกาแฟมาชงแจกจ่ายในงานราตรีสโมสรหรูหราที่ฝรั่งเศส
จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มเกิดร้านกาแฟในยุโรป เริ่มจากอิตาลีเป็นที่แรก ตามมาด้วยอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ในเวลาไล่เลี่ยกัน
ภาพลักษณ์ของร้านกาแฟที่เคยเป็นแหล่งมั่วสุมสำหรับชาวมุสลิม ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
กลายเป็นสถานที่สวยงาม ที่นอกจากคนจะมาดื่มด่ำกับรสขมกลมกล่อมของกาแฟ ยังเป็นแหล่งพบปะของผู้คนหลากหลายอาชีพ ทั้งนักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน และนักธุรกิจ
และแน่นอนว่า ชนชาติที่มองว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่และรุ่มรวยด้วยรสนิยมอย่างยุโรป ก็เริ่มที่จะพลิกแพลงวิธีการชงกาแฟแบบ เตอร์กิช คอฟฟี่ (Turkish Coffee) ที่ข้นหนืดเหมือนโคลน ให้นุ่มลื่นและใสขึ้น ด้วยการกรองกากกาแฟออก ให้เกิดเป็นน้ำกาแฟใส แล้วเริ่มผสมน้ำผึ้งและนมลงไป เพื่อความกลมกล่อม ซึ่งว่ากันว่าเริ่มต้นมาจากร้านกาแฟในเวียนนา
ไม่นาน วิธีการชงแบบนี้ ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรป หลายประเทศก็เริ่มคิดค้นวิธีการของตัวเองขึ้นมา ทั้งการคั่ว ชง และปรุง เพื่อให้ได้สูตรกาแฟที่อร่อยที่สุด
และในช่วงนี้เองที่ เอสเปรสโซ (Espresso) หรือกาแฟดำข้นแบบเร่งด่วน คาปูชิโน (Cappuccino) หรือกาแฟที่โรยผิวหน้าด้วยฟองนม และกาแฟใส่นมอย่าง คาเฟ่ โอ เลต์ (Cafe au lait) หรือลาเต้ (ในเวลาต่อมา) ได้ถือกำเนิดขึ้น
‘เทคโนโลยี’ ฟันเฟืองตัวสุดท้าย ที่ทำให้กาแฟเป็นมากกว่ากาแฟ
ถึงแม้กาแฟจะได้รับความนิยมจนแพร่หลาย ทั้งจากในยุโรป และขยายตัวสู่อเมริกาในเวลาต่อมา
แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ทำให้การขนส่ง เก็บรักษา ไปจนถึงคั่วบดเมล็ดกาแฟ ยังด้อยประสิทธิภาพ
เก็บแล้วขึ้นรา บดแล้วหยาบ กลิ่นจางหายเร็ว ฉะนั้นไม่ว่าจะชงด้วยวิธีไหน หรือผสมอะไรลงไปก็ไม่ลงตัวเสียที
ล่วงเลยมาจนถึงศตวรรษที่ 19-20 เทคโนโลยีถือว่ามีบทบาทอย่างมาก ที่ทำให้กลิ่นหอมกรุ่น และรสชาติอันซับซ้อนของกาแฟ ได้เผยตัวออกมา
ทั้งเตาคั่วที่ควบคุมอุณหภูมิได้ เครื่องบดที่ให้ผงกาแฟที่ละเอียดขึ้น อุปกรณ์กรองและปรุงกาแฟแบบต่างๆ เครื่องกรองกากกาแฟแบบสูบน้ำ และเครื่องชงแบบหยดที่มีตัวกรองถอดเปลี่ยนได้ อันเป็นต้นกำเนิดของเครื่องชงแบบเอสเปรสโซมาจนถึงทุกวันนี้
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการชง ที่สามารถดึงเอาเสน่ห์ของกาแฟออกมาได้เป็นพันๆ แบบ
เปลี่ยนกาแฟให้เป็นเครื่องดื่มที่แต่ละคน สามารถมีแก้วโปรดที่ไม่ซ้ำกันได้
ตั้งแต่การเลือกสรรเมล็ด วิธีการแปรรูป ระดับการคั่ว วิธีการชง รวมไปถึงการปรุงในแบบต่างๆ
จากดื่มในร้าน สู่ความเป็นปัจเจก เพราะแต่ละคนมีรสนิยมเป็นของตัวเอง
หากพิจารณาเฉพาะการดื่มกาแฟสด โดยไม่นับรวมกาแฟผงสำเร็จรูป
ก็ต้องบอกว่าการดื่มกาแฟลักษณะนี้ แพร่หลายได้ก็เพราะวัฒนธรรมการดื่มและพบปะในร้านกาแฟ
เพราะนี่คือสถานที่ที่ทำให้ผู้คนได้ลิ้มลองกาแฟในแบบต่างๆ จนค้นพบว่าแบบไหนคือกาแฟแก้วโปรด
ในขณะที่วัฒนธรรมร้านกาแฟยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง
แต่การก้าวเข้าสู่ยุคแห่งปัจเจกชนในปัจจุบัน การไปนั่งที่ร้านอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน
เทคโนโลยีเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กแบบส่วนตัว จึงเกิดขึ้น
เพื่อสนองตอบคอกาแฟอีกกลุ่มใหญ่ ที่ต้องการดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรด โดยผู้ดื่มเป็นผู้กำหนดรสชาติด้วยตัวเอง
โจทย์ใหญ่ของผู้ผลิตในยุคนี้ก็คือ ไม่ว่าเครื่องชงกาแฟส่วนตัวจะขนาดเล็กกว่าร้านกาแฟแค่ไหน แต่ต้องให้ความดื่มด่ำ และสุนทรียะที่เต็มแก้ว ไม่ต่างจากดื่มที่ร้าน
LatteGo เครื่องชงกาแฟตัวเล็ก ที่คุณภาพใหญ่คับแก้ว
เครื่องชงกาแฟตัวจิ๋วจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยมอย่างฟิลิปส์เครื่องนี้ ออกแบบมาเพื่อชงกาแฟจากเมล็ดกาแฟ โดยไม่ต้องใช้กาแฟสำเร็จรูปในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าคุณจะชอบเมล็ดกาแฟจากแหล่งไหนหรือคั่วแบบใด ก็สามารถเลือกได้ตามรสนิยมส่วนตัว
หลังจากเครื่องบดเมล็ดกาแฟเรียบร้อย เราสามารถออกแบบรสชาติในสไตล์ที่ตัวเองชอบได้ตามต้องการ เพราะกาแฟแต่ละชนิด ย่อมต้องการความเข้ม ปริมาณน้ำหรือนม ที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งสัมผัสความอร่อยของแต่ละคนก็ต่างกัน
เอสเพรสโซ่ หรือ คาปูชิโน่ ของเราไม่จำเป็นต้องเหมือนของคนอื่น ถ้าเทคโนโลยีพร้อมให้เราได้ทดลองรสชาติสนุกๆ
และเมื่อเจอรสชาติที่ใช่ LatteGo สามารถบันทึกสูตรกาแฟของเราไว้ได้อย่างง่ายดาย
สุดท้าย ทุกอย่างต้องง่าย ตั้งแต่บด ชง ล้างทำความสะอาด เพื่อสร้างสุนทรียะในการดื่มกาแฟในทุกรายละเอียด
กลับไปที่คำตอบตอนต้นของคอกาแฟ ไม่ว่าคุณจะชอบกลิ่นที่หอมกรุ่น รสชาติขมอันกลมกล่อม ซับซ้อน และน่าค้นหา หรือบรรยากาศของการดื่ม LatteGo เครื่องนี้จะมอบกาแฟดีๆ สักถ้วยยามเช้า เพื่อการเริ่มต้นวันใหม่ที่สมบูรณ์ของคุณในทุกๆ วัน
ทำความรู้จักเครื่องชงกาแฟ LatteGo ให้มากขึ้นได้ที่ https://www.philips.co.th/c-e/ho/coffee/lattego
อ้างอิง:
- คเณศ กังวานสุรไกร. กำเนิด “กาแฟ” จากพืชมาเป็นเครื่องดื่มในศาสนา แล้วเป็นธุรกิจฮิตทั่วโลกได้อย่างไร. https://www.silpa-mag.com/history/article_8263
- Wikipedia. History of coffee. https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_coffee
- History of Coffee. History of Espresso Coffee. http://www.historyofcoffee.net/coffee-history/history-of-espresso/