ปี 2561 ที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเท่ากับจำนวนประชากรจังหวัดขอนแก่น
หรือประมาณ 1,700,000 คน (อ้างอิงจากสถิติด้านการท่องเที่ยว โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)
ถือเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุด รองจากจีน เกาหลี และลาว
ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า คนญี่ปุ่นรักและชื่นชอบประเทศไทย วัฒนธรรมไทยอยู่ไม่น้อย
จึงไม่แปลกใจที่ ‘เทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว’ หรือ ‘ไทยเฟสติวัล’ จะมีคนญี่ปุ่น รวมทั้งคนไทย มาร่วมงานนับแสนคนทุกปี จนกลายเป็นงานเทศกาลไทยในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด
ทุกคนมาเพื่อชิมอาหารไทย ชมการแสดงแบบไทยๆ และช้อปของไทย 2 วันเต็ม ที่สวนสาธารณะโยโยกิ
ล่าสุด ไทยเฟสติวัลครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 11-12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ต้องยกตำแหน่งของไทยยอดนิยมให้ผลไม้อย่าง ‘ทุเรียน’ และ ‘มะม่วง’
ซึ่งกลายเป็นพระเอกและนางเอกของงาน
ที่ส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวนคนญี่ปุ่นทุกวัยให้เข้าไปลิ้มลอง
‘ทุเรียน’ ขวัญใจใหม่ของชาวญี่ปุ่น
“เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นไม่กล้ากินทุเรียน เพราะเขารู้สึกว่ามีกลิ่นเหม็น”
คือผลการวิจัยและสำรวจความรู้สึกของคนญี่ปุ่นที่มีต่อผลไม้ไทย โดยองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ก่อนเดินทางมาเปิดบูทขายทุเรียนและมะม่วงที่งานไทยเฟสติวัลเป็นครั้งแรก
“เราอยากให้คนญีี่ปุ่นได้ลองชิมผลไม้ไทยคุณภาพเดียวกับที่ขายอยู่ที่อ.ต.ก ซึ่งเป็นที่ถูกปากของคนไทยอยู่แล้ว”
คุณกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร บอกเล่าให้ฟังขณะผ่าทุเรียนหมอนทองลูกโตให้คนญี่ปุ่นชิม
“แต่ตอนนี้ความรู้สึกของคนญี่ปุ่นที่มีต่อทุเรียนเปลี่ยนไป เขาชอบกินทุเรียนกันมากขึ้น เพราะพอลองได้ชิมแล้วพบว่า ทุเรียนอร่อยและมีรสชาติที่หาทานได้ยาก มันอร่อยแบบกลมกล่อม ”
ราชาแห่งผลไม้อย่าง ‘ทุเรียน’ จึงเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทอง แม้จะมีราคาสูงถึงลูกละประมาณ 5,000 เยน หรือราวๆ 1,500 บาท
“สมัยก่อนทุเรียนไทยในญี่ปุ่นขายอยู่ที่ 10,000 เลยนะ”
อิชิมาซัง หนึ่งในลูกค้าชาวญี่ปุ่นผู้หลงเสน่ห์ทุเรียนไทยเล่าให้ฟัง
เขาติดใจพันธุ์หมอนทองจนต้องบินไปกินที่ประเทศไทยหลายครั้ง พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมไทยไปในตัว
“ผมกินทุเรียนหลายครั้งแล้ว ชอบมาก มางานไทยเฟสติวัลเพื่อซื้อทุเรียนโดยเฉพาะ และได้ดูดนตรีไปด้วย”
เมื่อถามถึงสาเหตุที่คนญี่ปุ่นคลั่งไคล้ทุเรียน แฟนพันธุ์แท้อย่างอิชิมาซังตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากเรื่องของความอร่อย ยังมีบางอย่างที่ทุเรียนคล้ายอาหารญี่ปุ่น นั่นคือ ‘กลิ่น’
“ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นแรง แต่อร่อย ผมคิดว่าเหมือนอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างที่มีกลิ่นค่อนข้างรุนแรง แต่พอทานแล้วมีรสชาติดีกว่าที่คิด ตรงส่วนนี้ทำให้ทุเรียนเป็นที่นิยมในหมู่คนญี่ปุ่นด้วย”
‘มะม่วง’ ผลไม้สุดหวานที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้คนญี่ปุ่น
ผลไม้เมืองร้อนของไทยที่ฮอตฮิตในหมู่คนญี่ปุ่นไม่แพ้ทุเรียน คือ ‘มะม่วง’
โดยเฉพาะ ‘พันธุ์น้ำดอกไม้’ ที่ส่งกลิ่นหอมหวานตลบอบอวลทั่วงานไทยเฟสติวัล
และเมื่อเดินตามรอยกลิ่นไป จะพบคลื่นคนญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลที่รอต่อแถวซื้อมะม่วงตั้งแต่เช้า
“มารอตั้งแต่เปิดงาน ซื้อ 1 กล่องใหญ่ มีทั้งหมด 14 ลูก เอาไปแบ่งคนในครอบครัวและญาติๆ”
ฮนดะซังและเพื่อนชาวไทย ชวนกันมาเดินงานไทยเฟสติวัล เพื่อซื้อมะม่วงโดยเฉพาะ
รวมทั้งคนญี่ปุ่นอีกหลายคนที่ยอมตื่นแต่เช้าวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อมายืนรอต่อแถวยาวหลายเมตรเพื่อซื้อมะม่วง และใช้บริการขนส่งกลับบ้าน เพราะบางคนซื้อเป็นของฝากถึง 5 กล่อง!
“มะม่วงไทยอร่อยที่สุด เพราะมีรสหวานและลูกใหญ่ เคยลองกินมะม่วงจากฟิลิปปินส์ ไม่ค่อยอร่อยเหมือนของไทย เม็ดมันใหญ่ ทำให้มีเนื้อน้อย”
มะม่วงที่ฮนดะซังซื้อไป (1 กล่อง = 14 ลูก) มีราคาอยู่ที่ราวๆ 5,800 เยน สนนลูกละ 400 กว่าเยน ซึ่งถือเป็นราคาผลไม้ที่ค่อนข้างสูงสำหรับคนญี่ปุ่น
“แต่ราคามะม่วงในงานไทยเฟสติวัลถูกกว่าตามซูเปอร์มาร์เก็ต และมีคุณภาพที่ดีกว่า ทางร้านค้าเขาคัดมาแล้ว”
เช่นเดียวกับอ.ต.ก ที่ขนมะม่วงน้ำดอกไม้ลูกโตมาให้คนญี่ปุ่นได้ลิ้มลองกันอย่างเต็มที่
“จริงๆ แล้วคนญี่ปุ่นรู้จักมะม่วงไทยมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ยุคโกโบริและอังศุมาลิน พันธ์ุที่ดังที่สุดในช่วงนั้น คือ พันธุ์หนังกลางวัน แต่ตอนนี้หาทานได้ยากแล้วแม้แต่ในประเทศไทยเอง”
ทุกวันนี้ พันธุ์น้ำดอกไม้จึงเป็นที่นิยมแทน เพราะมีความหวานและกลิ่นหอมไม่แพ้กัน
“เคยกินมะม่วงของหลายประเทศ ของไทยแตกต่างจากที่อื่น มีรสชาติหวานมาก เคยซื้อตามซูเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่หวานขนาดนี้”
ครอบครัวอิชิซังคอนเฟิร์มความอร่อยของมะม่วงไทย
“กินแล้วรู้สึกสดชื่น มีความสุข”
อิชิซังเล่าถึงความรู้สึกหลังได้ชิมมะม่วงไทย
พิสูจน์ได้จากบรรยากาศการกินและช้อปมะม่วง ทุเรียนสุดคึกคักในงานไทยเฟสติวัลครั้งนี้
ที่ทำให้รู้ว่า ผลไม้เมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก.
อ้างอิง
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.สถิติด้านการท่องเที่ยว ปี 2562.https://www.mots.go.th/more_news.php?cid=521&filename=index