จะดีแค่ไหนถ้าในแต่ละวันของคุณมีเงินงอกเงยในกระเป๋าสตางค์ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มแม้แต่บาทเดียว
ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นตลอดปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่แม้ประเทศไทยจะควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ภาพรวมในระดับโลกก็ยังส่อแวววิกฤติไปอีกนาน นอกจากนี้ ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศก็ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนในหลายด้าน โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ทำให้การออมเงินกลายเป็นนโยบายส่วนบุคคลเร่งด่วนที่หลายคนต่างก็สรรหาวิธีเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพมาปฏิบัติ เพื่อเป็นแผนสำรองในการใช้จ่ายยามฉุกเฉิน
และด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวนแบบนี้ การลงทุนในหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนอาจไม่คุ้มค่าอย่างที่หวัง เราเลยอยากชวนคุณมาลองบริหารการเงินแบบสูงสุดคืนสู่สามัญ ด้วยวิธีเก็บเงินแบบง่ายๆ ที่ได้ผลดีเกินคาด
ลองทำตามเคล็ดลับเก็บเงิน 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ ที่แค่เปลี่ยนบางพฤติกรรมประจำวัน เช่น อดใจไม่ใช้แบงก์ 50 บาท หรือหันมาถอนเงินแบบไม่ใช้บัตร แล้วมาดูกันว่าคุณจะออมเงินได้กี่หมื่นบาทเมื่อทำแบบนี้ต่อเนื่องนานครบปี
1.
อดใจ ไม่ใช้แบงก์ 50 บาท
หนึ่งในวิธีเก็บเงินที่หลายเสียงเห็นพ้องต้องกันว่าได้ผลที่สุด เพราะทำได้ง่ายในทางปฏิบัติ เนื่องจากโดยปกติแล้วเรามักใช้แบงก์ 100 กับแบงก์ 20 ร่วมกับเหรียญเป็นหลัก นานๆ ทีแบงก์ 50 ถึงจะมีบทบาทในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น ทันทีที่ได้รับเงินทอนเป็นแบงก์ 50 ให้รีบเก็บเข้าช่องลับในกระเป๋าสตางค์ จากนั้นค่อยรวบรวมใส่กระปุกไว้แบบไม่ดึงมาใช้เลย เท่านี้แบงก์สีฟ้าก็จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นในทุกเดือน
เคล็ดลับอยู่ที่ อย่า! เอาออกมานับบ่อยๆ ควรหยอดใส่กระปุกที่ยากแก่การงัดแงะ หรือล็อกเก็บเอาไว้แบบไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้ง่ายๆ ทำได้แบบนี้ปีนึงคุณอาจมีเงินเก็บหลักหมื่นโดยไม่รู้ตัว
2.
ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
หนึ่งในวิธีสุดคลาสสิคที่ต่อให้ไม่ต้องเผชิญวิกฤติใดๆ ก็ควรทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นการทบทวนพฤติกรรมการใช้เงินที่ดีที่สุด
การทำบัญชีรายจ่ายโดยจำแนกว่าในแต่ละเดือนหมดเงินไปกับอะไรบ้าง เช่น ค่ากาแฟ ค่าข้าว ค่าเสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน ค่าซักรีด ฯลฯ จะทำให้คุณเล็งเห็นถึงค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือการหมดเงินแบบเสียเปล่าไปกับกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และตัดสินใจได้เด็ดขาดขึ้นว่าเดือนหน้าจะงดกิจกรรมนั้นๆ เพื่อลดรายจ่ายให้น้อยลง
เช่น หันมาซักผ้า รีดผ้า และทำความสะอาดบ้านเอง เพื่อประหยัดค่าจ้างซักรีดและค่าจ้างทำความสะอาด โดยปรับทัศนคติของตัวเองเสียใหม่ว่านอกจากประหยัดเงินแล้ว การทำงานบ้านยังได้บริหารร่างกายไปในตัว
3.
หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจจะดูเป็นเงินจำนวนเล็กน้อยแค่ 5 บาท 10 บาท แต่เบ็ดเสร็จในแต่ละปี คุณอาจเสียเงินหลายพันบาทแบบไม่รู้ตัว
ค่าธรรมเนียมเหล่านี้มักแฝงมาในรูปแบบของการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การจ่ายบิล การฝาก/ถอนข้ามเขต หรือโอนเงินต่างธนาคาร ฯลฯ ซึ่งที่จริงแล้วคุณหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมเหล่านี้ได้ ด้วยการใช้บริการ Mobile Banking ที่พร้อมจะให้คุณทำธุรกรรมทางการเงินบนมือถือได้ฟรีๆ อย่างสะดวก ทันใจ
หนึ่งในโมบายแบงก์กิ้งที่มีบริการทางการเงินครบครัน ก็คือ Bangkok Bank Mobile Banking ที่ฟรี! ทุกค่าธรรมเนียม ไม่ว่าจะโอน เติม จ่าย รวมถึง “บริการถอนเงินไม่ใช้บัตร” (Cardless Withdrawal) ซึ่งถอนเงินได้จากเครื่อง ATM ธนาคารกรุงเทพทั่วไทย ฟรี! จะถอนเงินข้ามเขตก็ ฟรี! โดยถอนเงินได้สูงสุด 50,000 บาทต่อวัน
ที่สำคัญคือ บริการถอนเงินไม่ใช้บัตรจากธนาคารกรุงเทพให้เวลาคุณในการไปยังเครื่อง ATM แบบไม่ต้องรีบร้อน มีเวลาชิลๆ 1 ชั่วโมง หลังจากทำรายการถอนผ่านแอปแล้ว
วิธีการถอนเงินไม่ใช้บัตร ด้วย Bangkok Bank Mobile Banking ก็ง่ายดาย เพียงเข้าไปที่แอป Bangkok Bank Mobile Banking เลือกเมนู ถอนเงินเอทีเอ็ม (withdraw ATM) จากเมนูลัดหน้าแรก แล้วเลือกบัญชีและจำนวนเงินที่ต้องการถอนเงินไม่ใช้บัตร จากนั้นไปที่เครื่อง ATM ธนาคารกรุงเทพ เพื่อทำการสแกนคิวอาร์ โค้ด ในเมนูถอนเงินไม่ใช้บัตร ภายใน 60 นาที
เท่านี้ก็สามารถถอนเงินมาใช้ได้อย่างสะดวก ไม่เสียค่าธรรมเนียม
ให้โอกาสตัวเองได้ลองเก็บเงินด้วยวิธีง่ายๆ ทั้ง 3 ข้อดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ว่ารายจ่ายจะลดลง และจะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน becommon เชื่อว่าจุดเริ่มต้นจากการมีวินัยทางการเงินที่ดีจะต่อยอดไปสู่ความสามารถในการบริหารการเงินที่งอกเงยต่อไปในอนาคต