“ฉันไม่กลัวตายหรอก ฉันยังสุขใจเสมอที่ได้อยู่กับพวกเธอ”
แม่ชีอังเดร (Sister André) หญิงชราชาวฝรั่งเศสวัย 118 ปี (เกิดปี 1904) เปิดเผยความในใจ หลังจากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจนหายดี เพราะก่อนหน้านี้เธอติดเชื้อโควิด-19 แต่ร่างกายกลับไม่แสดงอาการป่วยหรือผิดปกติใดๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายแรง ตลอดชีวิตของเธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วมากมาย ทั้งสงครามโลกทั้งสองครั้ง และการแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปนในปี 1918 ซึ่งเธอรักษาชีวิตของตนให้อยู่รอดปลอดภัย กลายเป็นผู้หญิงอายุยืนที่สุดในยุโรป และครองอันดับที่สองของโลก รองจาก คาเนะ ทานะกะ (Kane Tanaka) หญิงชราชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุมากกว่าเธอ 1 ปี
คนสูงอายุส่วนใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสมักเลือกใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านพักคนชรา อย่างน้อยพวกเขาก็มั่นใจได้ว่าจะไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว เพราะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่สำคัญคือมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด ซึ่งปลอดภัยและช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้มากกว่าอยู่บ้านหรือห้องพักธรรมดา
ส่วนลูกๆ และคนในครอบครัวต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ แต่กรณีของแม่ชีอังเดรนั้นแตกต่าง เธอตัดสินใจไม่มีครอบครัว แล้วบวชเป็นชีในปี 1944 ขณะอายุ 40 ปี เมื่อเวลาผ่านไป พ่อ แม่ และพี่ชายของเธอต่างเสียชีวิตไปตามวัยที่ร่วงโรย จนตอนนี้เหลือเธอตัวคนเดียวที่ยังมีลมหายใจ และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขอยู่ใน EHPAD (Housing Establishment for Dependant Elderly People) หรือสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุประจำเมืองตูลง (Toulon) ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
เธอยืนยันว่าหากถึงคราวที่ต้องสิ้นอายุขัย เธอไม่รู้สึกกลัวใดๆ และยังปรารถนาอยู่ลึกๆ ด้วยว่า ถ้าวันนั้นมาถึง “ฉันคงจะได้ไปพบกับพี่ชายอีกครั้ง”
นอกจากแม่ชีอังเดร ในประเทศฝรั่งเศสยังมีคนชราอายุยืนอีกจำนวนมาก
แอร์มีน ซัวบียอน (Hermine Saubion) หญิงชราวัย 110 ปี (เกิดปี 1911) อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราหลังเกษียณอายุประจำเมืองบานง (Banon) เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี ที่ลูกๆ และบรรดาเครือญาติจะมารวมตัวกันเพื่อจัดงานฉลองวันเกิดให้เธอ
งานนี้เองที่คอยมอบพลังใจให้ซัวบียอนรู้สึกว่าเธอยังเป็นที่รักและที่ระลึกถึงของทุกคนในครอบครัว แม้จะไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันทุกวัน เมื่อเธอมองไปยังภาพถ่ายใบเล็กๆ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะคลายความคิดถึงของเธอต่อลูกๆ ลงได้เยอะ
อลีน เบลน (Aline Blain) หญิงชราวัย 110 ปี (เกิดปี 1911) พักอยู่ในสถานบริบาลประจำเมืองวัลเรอัส (Valréas) เธอใช้ชีวิตเป็นปกติไม่ต่างกับตอนอาศัยอยู่บ้านกับลูกสาว เธออ่านนิตยสารสลับกับดูข่าวและรายการบันเทิงผ่านช่องโทรทัศน์ พร้อมกับดื่มชาร้อนแก้วโปรดที่เธอขาดไม่ได้
สาเหตุที่ลูกสาวตัดสินใจย้ายเธอมาพักถาวรที่สถานบริบาล เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ เมื่อแม่อายุมากขึ้น จึงไม่ควรปล่อยให้อยู่บ้านโดยลำพัง หากเกิดอุบัติเหตุคงไม่มีใครทันเห็นหรือช่วยเหลือได้ทันการณ์
สองแม่ลูกผูกพันกันมาก ลูกจึงมาเยี่ยมแม่สม่ำเสมอ ทุกครั้งที่ลูกมาหา มักจะชวนแม่ทำกิจกรรมที่ทั้งคู่เคยทำเป็นปกติเหมือนตอนยังอยู่บ้านด้วยกัน พร้อมกับโอบกอดและหอมแก้มแสดงถึงความรักที่ไม่เคยเจือจาง
ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของผู้สูงอายุในประเทศฝรั่งเศส คือ 82.7 ปี ถือว่าค่อนข้างสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับหลายๆ ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน อินเดีย รวมถึงประเทศไทย