w©rld

ชุดบัลเลต์มีเกล็ดเกลือสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมอยู่ สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องกระทบลงมา วิบวับระยับตา

นี่เป็นงานประติมากรรมชิ้นเอกชุด ‘Salt of the Earth’ โดย ซิกาลิท แลนเดา (Sigalit Landau) ศิลปินชาวอิสราเอลที่ใช้ไอแดดและน้ำเค็มของทะเลสาบเดดซีเข้ามาแต่งแต้มชิ้นงานอย่างประณีต

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP
Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

เธอนำข้าวของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดบัลเลต์ ขดลวด ภาพวาด แขวนไว้กับราวไม้แช่น้ำเค็มกลางทะเลสาบเดดซีที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนสตูดิโอทำงานของเธอ ผ่านไปหลายสัปดาห์ เมื่อแสงอาทิตย์อันร้อนแรงของทะเลทรายแผดเผา น้ำเค็มจึงตกผลึกเป็นเกลือห่อหุ้มสิ่งของเหล่านั้นจนเป็นปุยสีขาวกับหิมะ ที่ทั้งหนักและแหลมคมจนต้องใช้ทีมงานสี่คนหามขึ้นมาจากน้ำ

มากไปกว่าความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง งานของซิกาลิทยังบอกเล่าเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของทะเลสาบแห่งนี้ด้วย

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

‘ทะเลสาบเดดซี’ (Dead Sea) เป็นทะเลสาบที่มีน้ำเค็มที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในประเทศจอร์แดน ในเขตรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอล กลางทะเลทรายที่ที่มีจุดระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 417.5 เมตร 

น้ำในทะเลสาบไหลมาจากทางเหนือของแม่น้ำจอร์แดน ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแอ่งน้ำปิด ไหลออกไปสู่แหล่งน้ำอื่นๆ ไม่ได้ เมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่อากาศร้อน ฝนตกน้อย น้ำจึงค่อยๆ ระเหยออกไป ทะเลสาบแห่งนี้จึงสะสมโซเดียมและแม็กนีเซียมไว้จำนวนมาก ทำให้กลายเป็นทะเลสาบที่เค็มที่สุดในโลกโดยมีความเข้มข้นของเกลือประมาณ 34 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในมหาสมุทรมีเกลืออยู่เพียง 3.5 เปอร์เซ็นต์ 

ด้วยความเค็มระดับสูงมากจึงทำให้ไม่สามารถมีสิ่งมีชีวิตไหนอาศัยอยู่ได้นอกจากเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้น จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก ‘เดดซี’ หรือ ‘ทะเลสาบมรณะ’ 

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP
Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

ด้วยความพิเศษและมีเสน่ห์ทำให้ที่นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปเยือนสักครั้ง เมื่อน้ำเค็มมาก ทำให้เป็นทะเลสาบที่ไม่มีวันจม คนชอบพากันไปนอนลอยแอ้งแม้ง ท้าท้องฟ้าสดใส รายล้อมด้วยทะเลทรายเนียนละเอียด

ซิกาลิทเป็นอีกคนที่หลงใหลทะเลสาบแห่งนี้เช่นเดียวกัน เธอเป็นศิลปินร่วมสมัยชาวอิสราเอลที่ก่อนหน้าเคยทำงานศิลปะในทะเลสาบเดดซีมาแล้วในปี 2014 เธอนำชุดแต่งงานสีดำไปแช่ในทะเลสาบไว้นานกว่า 2 ปีจนเกลือตกผลึกเคลือบชุดจนเป็นสีขาวฟูฟ่องสวยงาม ครั้งนั้นเธอได้แรงบันดาลใจมาจากชุดในละครเวทีเรื่อง ‘ดิ๊บบุค’ (Dybbuk) โดยเอส แอนสกี (S. Ansky)

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

สำหรับงานประติมากรรมชุดล่าสุดนี้กลับต่างออกไป เธอสรรค์สร้างผลงานจากความสะเทือนใจที่ได้รับรู้ว่าความจริงว่าอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ น้ำในทะเลสาบอาจเหือดแห้งไปหมด จนท้ายที่สุดแล้วที่นี่อาจกลายเป็นแค่แอ่งทรายธรรมดาบนแผนที่โลก

ดร.อิช-ชาลอม (Dr Ish-Shalom) นักอุทกธรณีวิทยาที่ศึกษาปรากฏการณ์รอบๆ ทะเลสาบมานานกว่า 10 ปีเผยว่าน้ำในทะเลสาบลดลงกว่ามากกว่า 1 เมตรในแต่ละปี และพื้นที่ผิวของทะเลสาบลดลงราวหนึ่งในสามนับตั้งแต่ 1960 โดยสาเหตุหลักๆ นั้นมาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของประชากร รวมถึงการทำฟาร์มและสกัดแร่ไปใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งหลักๆ คืออุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ จึงทำให้น้ำถูกใช้ไปมากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะเติมกลับมาได้เหมือนเดิม

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP
Photo : MENAHEM KAHANA / AFP
Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

ที่น่ากลัวกว่าความแห้งแล้งของทะเลสาบคือพื้นที่รอบๆ เริ่มเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากน้ำที่มีความเค็มสูงมากๆ อย่างในทะเลสาบเดดซีจะทำให้เกิดชั้นเกลือหนาๆ ใต้ผิวน้ำลึกราว 20 เมตร เมื่อน้ำเค็มเหล่านี้หายไปถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดในฤดูหนาวที่ซึมเข้าใต้ดิน ชั้นเกลือละลายหายไปก็จะทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่ใต้ดินที่พร้อมจะยุบตัวลงได้ทุกเมื่อ ถือเป็นภัยอันตรายที่น่ากังวลสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

ก่อนที่พื้นดินจะพังทลาย น้ำจะแห้งเหือดไป

ผลงาน ‘Salt of the Earth’ ทุกชิ้นที่อาบเกล็ดเกลือจะถูกนำขึ้นจากทะเลสาบมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์อิสราเอล (Israel Museum) ในเดือนตุลาคมนี้ และนี่อาจเป็นงานศิลปะชิ้นสำคัญในประวัติศาสตร์ที่บันทึกการมีอยู่ของทะเลสาบเดดซีเอาไว้ก่อนที่จะหายไปจากแผนที่โลก

Photo : MENAHEM KAHANA / AFP

อ้างอิง