รู้ไหมว่าการเลือกเติมน้ำมันให้ถูกวิธีและถูกประเภทกับรถยนต์ที่ใช้ ช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานของพาหนะคู่ใจได้นานกว่าที่คิด
ก่อนออกเดินทางครั้งหน้า อย่าลืมใส่ใจ 4 เคล็ดลับในการเติมน้ำมันที่ becommon นำมาฝาก เพื่อการรักษาสมรรถนะของรถยนต์ ช่วยเพิ่มความเร็ว และชะลออายุเครื่องยนต์ให้แข็งแกร่งเหมือนใหม่ไปอีกนานๆ
1.
เติมตามคู่มือที่ผู้ผลิตระบุไว้
การเลือกเติมน้ำมันที่เหมาะสมกับรถยนต์เป็นการบำรุงรักษาหัวจ่ายน้ำมัน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการฉีดน้ำมันให้เข้าไปยังห้องเผาไหม้ของรถยนต์ หากเติมน้ำมันที่ไม่เหมาะสมกับตัวรถ อาจทำให้หัวฉีดที่จ่ายน้ำมันทำงานบกพร่องหรืออุดตัน ส่งผลให้รถยนต์วิ่งแล้วสะดุดได้
ดังนั้น ผู้ใช้รถควรตรวจสอบว่ารถยนต์ที่ใช้เหมาะกับการเติมน้ำมันแบบไหน โดยการดูจากที่ระบุไว้ที่ฝาถังน้ำมันรถยนต์
2.
เลือกน้ำมันที่มีสารเพิ่มประสิทธิภาพ
แต่ละแบรนด์มีน้ำมันดิบที่แตกต่างกันจึงมีพื้นฐานคุณภาพน้ำมันแตกต่างกัน อีกจุดที่แตกต่างคือ การคิดค้นสูตรของตัวเองเพื่อให้น้ำมันของตัวเองมีความโดดเด่น ดังนั้น นอกจากผู้ใช้รถจะต้องใส่ใจในการเลือกเติมน้ำมันให้ตรงกับประเภทรถที่ใช้ ควรเลือกเติมน้ำมันจากสถานีบริการที่ได้มาตรฐาน และเป็นแบรนด์ที่ยึดมั่นเรื่องคุณภาพ และการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ น้ำมันเชลล์ วี–เพาเวอร์ สูตรใหม่ ที่เป็นน้ำมันเกรดพรีเมียมยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย* เชลล์คิดค้นและพัฒนาร่วมกับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก (Scuderia Ferrari) ช่วยทำความสะอาดชิ้นส่วนที่สำคัญในเครื่องยนต์ (หัวฉีดและวาวล์ไอดี) ได้ถึง 100% ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ** และป้องกันการสะสมของคราบตะกรันได้ถึง 100% เช่นกัน จึงมั่นใจได้ในพลังแรง แซงได้อย่างมั่นใจ ให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็สามารถใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมันของเชลล์ได้เช่นเดียวกัน เพราะมี Shell Recharge ซึ่งเป็นจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากระแสตรง ควิกชาร์จประสิทธิภาพสูงขนาด 180 กิโลวัตต์ แห่งแรกในประเทศไทย ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ:
*ตามรายงานยอดจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (ชนิดพิเศษ), น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (ชนิดพิเศษ) ยูโร 5 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 95 (ชนิดพิเศษ) ของกรมธุรกิจพลังงาน (www.doeb.go.th/2017/#/article/statistic) ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 66 – 31 พ.ค. 66
**มีสารที่ทำความสะอาดชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ (หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงและวาล์วไอดี) ได้ถึง 100% การพิสูจน์ถึงการปกป้องเครื่องยนต์เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและการทดสอบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเชลล์ ผลลัพธ์จากการใช้งานและประโยชน์ที่ได้รับอาจแตกต่างกันไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.shell.co.th
3.
เติมน้ำมันให้เกิน ¾ ถังเสมอ
ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยกว่า 1 ใน 4 ส่วนของถัง เพราะหากน้ำมันในถังเหลือน้อย ปั๊มคอมมอนเรลต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ระดับต่ำมาใช้งาน และอาจทำให้ปั๊มฯ เกิดความเสียหาย เพราะไม่มีน้ำมันมาหล่อลื่นเพื่อระบายความร้อน ดังนั้น การเติมน้ำมันให้เกิน 3 ใน 4 ส่วนของถัง จึงเป็นการถนอมรักษาเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้นานขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดอีกด้วย
4.
เติมน้ำมันตอนกลางคืนคุ้มค่ากว่า
เนื่องจากเวลากลางคืน น้ำมันจะมีการควบแน่นสูง การเติมน้ำมันตอนกลางคืนจึงได้ปริมาณในราคาคุ้มค่ากว่าการเติมน้ำมันตอนกลางวัน ทั้งนี้ ปริมาณที่ได้เพิ่มมากขึ้นอาจจะไม่ได้ขึ้นจนเห็นได้ชัด หากไม่ใช่การเติมใส่รถที่ต้องเติมครั้งละเกินร้อยลิตร
อ้างอิง
- ชัวร์ก่อนแชร์.5 เรื่องฮิต สารพัดวิธีเติมน้ำมันรถ จริงหรือ?.https://www.youtube.com/watch?v=cl_DzP6a9vo
- เค.มอเตอร์สกูรู.เติมน้ำมันจนล้นถัง ทำเครื่องพังได้จริงเหรอ ? https://bit.ly/3RtkMsH