©ulture

รองเท้าที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงนี้เห็นจะเป็นคร็อคส์ (Crocs)

ที่ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะต้องเห็นใครสักคนคนใส่ หากไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน ลองสังเกตดูก็ได้ เราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีใครสักคนใส่เจ้ารองเท้ามีรูคู่นี้อยู่แน่ๆ 

ก่อนหน้านี้คร็อคส์เคยได้ชื่อว่าเป็น ‘รองเท้าที่น่าเกลียดที่สุด’ เพราะหน้าตาดูไม่น่าจะเป็นรองเท้าที่ไม่น่าจะเข้ากับชุดไหนในชีวิตประจำวันเลย ทั้งหนา ทั้งใหญ่ แถมยังมีรูอยู่บนรองเท้าทั้งสองข้างถึง 26 รู

Photo : Crocs

ทำไมรองเท้าคร็อคส์ต้องมีรู ?

แม้จะดูไม่น่ารักและอาจทำให้คนกลัวรูไม่สบายใจ แต่รูของคร็อคส์มีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจ เพราะทั้ง 26 รูเป็นส่วนช่วยระบายอากาศในรองเท้าและไม่ให้น้ำขังในรองเท้า 

เดิมทีรองเท้าทรงดั้งเดิมของคร็อคส์ถูกคิดค้นขึ้นมาสำหรับสวมบนเรือ มีพื้นเหนียวหนึบ กันลื่น ใส่ลุยทราย ลงทะเลได้อย่างคล่องตัว 

สก็อต ซีแมนส์ (Scott Seamans) จอร์จ บอดเบ็คเกอร์ (George Boedbecker) และ ลินดอน แฮนสัน (Lyndon Hanson) เป็นสามสหายผู้ก่อตั้งแบรนด์ พวกเขาเป็นเพื่อนซี้ที่ชอบชวนกันไปแล่นเรือใบในทะเลแคริบเบียนทุกวันหยุด เมื่อเข้ามาอยู่ในวงการนี้ นักแล่นใบทั้งสามก็ได้รู้จักกับรองเท้าลำลองสำหรับแล่นเรือใบที่รูปทรงนั้นพัฒนามาจากรองเท้าไม้แบบดั้งเดิม (Clogs) สไตล์เนเธอร์แลนด์

สก็อต ซีแมนส์, จอร์จ บอดเบ็คเกอร์ และ ลินดอน แฮนสัน

หลังจากที่ได้ลองใส่รองเท้าแล่นเรือแล้ว ทั้งสามคนก็ประทับใจในวัสดุและความนุ่มสบาย จนสืบทราบว่าผู้ผลิตรองเท้าคือบริษัท Foam Containing สัญชาติแคนาดา หลังกลับจากทริปนั้น สามเพื่อนซี้จึงไม่รอช้าติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัทดังกล่าวทันที เพราะพวกเขาปิ๊งไอเดีย ตั้งใจจะออกแบบรองเท้าที่นักแล่นใบใส่สบายที่สุด

ไม้ตายที่ทำให้ทั้งสามคนตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ดังกล่าวคือ Crostile วัสดุทำรองเท้าที่เป็นเรซินเซลส์ปิด นุ่มสบาย ยืดหยุ่นตามสรีระของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังทนทาน ยึดเกาะพื้นผิวได้เป็นอย่างดี ใส่บนเรือก็ไม่ลื่น ใส่บนบกก็เดินคล่องตัว ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ก็ได้กลายเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ Crocs ที่มาจากคำว่า Crocodile หรือ จระเข้ สัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบกที่อยู่ในน้ำก็ได้ อยู่บนบกก็ดีเหมือนรองเท้าคร็อกส์

Photo : Crocs

‘The beach’ คือรองเท้ารุ่นแรกที่ผลิตออกมาในเดือนพฤศจิกายนปี 2002 และขายหมดเกลี้ยงทันทีรวมพันคู่ ช่วงแรกๆ รองเท้าได้รับความนิยมอย่างดีในหมู่นักแล่นใบ ก่อนที่จะกลายเป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพยอดนิยมอันดับต้นๆ ของคนทำงาน ไม่ว่าจะเป็นคนในครัวที่ต้องเจอกับเศษอาหารกระเด็นเลอะ เปรอะเปื้อน แพทย์ พยาบาลที่ทำงานในโรงพยาบาล 

รองเท้าคร็อคส์นั้นใส่นุ่ม สบาย เหมาะสำหรับคนเดินเยอะ ยืนนานๆ อีกทั้งยังล้างทำความสะอาดได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ซีรี่ย์เรื่อง Hospital Playlist

เมื่อน้องคร็อคส์โดนบุลลี่

ในยุคที่คร็อคส์ถือกำเนิดขึ้นเป็นยุคที่เทรนด์สนีกเกอร์กำลังมา ใครใส่สนีกเกอร์ก็จัดว่าเท่และมีรสนิยม จึงทำให้รองเท้าเรซิ่นหนาเตอะ แถมมีรูอย่างคร็อคส์ผู้น่าสงสารตกเป็นเหยื่อ โดนบุลลี่ว่าเป็นรองเท้าที่หน้าตาน่าเกลียด ถึงขั้นติดหนึ่งในรองเท้าที่คนยี้ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักศึกษาชาวแคนาดาสร้างเว็บไซต์ IHateCrocs.com ซึ่งเป็นพื้นที่รวมตัวสมาชิกชมรมคนไม่ชอบน้องคร็อคส์อีกด้วย 

แล้วไง ใครสน แม้จะโดนล้อหนักว่าเป็นรองเท้าที่หน้าตาไม่น่ารัก แต่คร็อคส์ก็ขึ้นชื่อว่าใส่สบาย และได้รับความนิยมเป็นอย่างดีเสมอมาในกลุ่มลูกค้าประจำ

ในปีแรกคร็อคส์มียอดขายรวม 76,000 คู่ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 649,000 คู่ในปีถัดมา นับว่าตีตลาดเฉพาะกลุ่มได้อย่างอยู่หมัด ก่อนจะกระโดดเข้าไปเป็นรองเท้าที่คุณแม่ใส่ไปซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกๆ ใส่ไปโรงเรียน คุณพ่อใส่ตัดหญ้าอยู่บ้านได้อย่างง่ายดาย

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้คร็อคส์ก้าวข้ามเส้นนั้นมาคือ จิบบิทซ์ (Jibbitz) ตัวติดรองเท้าหน้าตาปุ๊กปิ๊กที่ทำให้คร็อคซ์ที่เคยเรียบร้อย สนุกสนานและมีสีสันขึ้น 

Photo : Crocs

ก่อนหน้านี้คร็อคส์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องน่ารักขนาดนี้มาก่อน จิบบิทซ์คือไอเดียของครอบครัวชเมลเซอร์ (Schmelzer) เมื่อคุณแม่ เชอรี ชเมลเซอร์ (Sheri Schmelzer) อยากตกแต่งรองเท้าคร็อคส์ให้ลูก เลยชวนสามีมาออกแบบตัวติดรองเท้ารูปต่าง มาเติมเต็มรูบนคร็อคส์ที่ยังว่าง ซึ่งน่าตื่นเต้นที่ภายหลังโปรเจ็กต์งานประดิษฐ์ในครอบครัวของคุณแม่นั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นบริษัททำตัวติดรองเท้าน่ารักๆ ที่ตระเวนไปตามงานแสดงสินค้าในลอสแองเจลิส 

ความน่ารักของจิบบิทซ์ไปเตะตาคร็อคส์เข้าในปี 2005 หลังจากนั้นคร็อคส์จึงตัดสินใจซื้อบริษัทจิบบิทซ์ในมูลค่า 20 ล้านเหรียญฯ มาเติมเต็มให้จักรวาลคร็อคส์มีสีสันยิ่งขึ้น จิบบิทซ์กลายมาเป็นสเน่ห์ที่ทำให้คร็อคส์ยิ่งเป็นรองเท้าที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ยิ่งน่ารักขึ้นกว่าเดิม และช่วยลบภาพของรองเท้าที่หน้าตาไม่น่ารักให้หายไปจากความคิดผู้คนไปได้เยอะ

Photo : Crocs

สำหรับใครที่ไม่ได้ใส่คร็อคส์แล่นเรือใบแต่ใส่เป็นรองเท้าอยู่บ้านหรือในชีวิตประจำวัน รูบนรองเท้าที่เคยมีฟังก์ชันเพื่อระบายอากาศ ก็จะถูกเติมเต็มด้วยจิบบิทซ์ ที่เลือกมาติดได้ตามใจชอบ เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ทำให้คนใส่แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างสนุกสนาน

คุณจะพบว่าถ้าไปเลือกซื้อรองเท้าคร็อคส์ ตอนเลือกรองเท้าคงใช้เวลาไม่เท่าไหร่ แต่ที่นานเห็นจะเป็นตอนนั่งคุ้ยกองจิบบิทซ์มาติดรองเท้า เพราะไม่ว่าอันไหนก็น่ารักไปเสียหมด แต่จะทำอย่างไร เมื่อบนรองเท้ามีให้ติดได้แค่ 26 ตัวเท่านั้น

สไตล์ที่โดดเด่นของคร็อคส์ในแง่หนึ่งคนอาจมองว่าเป็นรองเท้าที่แมตช์กับชุดยาก แต่เอกลักษณ์ที่ว่านั้นกลับเป็นความโดดเด่นที่ทำให้คร็อคส์ยังคงได้รับความนิยมอยู่จนวันนี้ 

Crocs x Christopher Kane

คร็อคส์ได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น BEAMS, Chinatown Market, Balenciaga รวมถึงครั้งหนึ่งน้องคร็อคส์เคยอาบลายหินอ่อน ติดจิบบิทซ์เป็นประกาย เฉิดฉายอยู่บนรันเวย์ในคอเลกชัน Spring 2017 ของ คริสโตเฟอร์ เคน (Christopher Kane) ด้วย

คร็อคส์ได้ร่วมงานกับศิลปินมากมายที่แวะเวียนกันมาออกแบบคอลเลกชันใหม่ๆ อย่างในปี 2020 จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) ได้แปลงโฉมคร็อคส์ให้เป็นสีเหลืองสดใส คิ้วท์ปนเท่ ในคอลเลกชัน Crocs x JustinBieber with Drew ที่ถ้าหยิบถุงเท้าสวยๆ สักคู่มาใส่ด้วยแล้วยิ่งเท่

ในปีเดียวกันนั้นคร็อคส์ยังได้ร่วมงานกันโพสต์ มาโลน (Post Malone) แบดบันนี (Bad Bunny) รวมไปถึง KFC ที่เอาไก่ทอดผู้พันเกือบเท่าขนาดจริงมาทำเป็นจิบบิทซ์ติดบนรองเท้า 

Crocs x Justin Bieber x Drew

คร็อคส์ยังเป็นลูกรักของบุคลากรในโรงพยาบาลไม่เสื่อมคลาย และปัจจุบันก็ได้กลายเป็นลูกรักของมหาชนหลายวงการแล้วด้วย ปีที่ผ่านมานักแสดง เซเลบริตี ไอดอลต่างก็มีคร็อคส์คนละคู่ จนเรียกได้ว่าเราอยากจะเห็นว่าคร็อคส์ของไอดอลที่เราชอบนั้นเป็นแบบไหน 

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย MILLI (@phuckitol)


ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินบน มิลลิ (MILLI) แรปเปอร์คนเก่งก็อัพวิดีโอสั้นๆ ลงอินสตาแกรม คร็อคส์ที่เธอใส่นั้นชวนสะดุดตา เพราะเมื่อเพ่งดูดีๆ นี่ไม่ใช่รองเท้าคร็อคส์ดีไอวายธรรมดา แต่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นของ Crocs x MCM ประดับด้วยกระเป๋าคาดจิ๋ว ลายวิเซโต้สุดคลาสสิกและประดับด้วยจิบิทซ์ทองคำวาววับ 

ยอดขายคร็อคส์ในปี 2020 นั้นเติบโตขึ้นที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลายๆ คนอยากมีคร็อคส์เป็นของตัวเองสัก นอกจากผู้หญิง ก็เริ่มนิยมในหมู่ผู้ชาย นอกจากคนทำงาน ก็เริ่มนิยมในหมู่ไอคอนแฟชัน ดาวติ๊กต่อก และเด็กๆ เจนซี คร็อคส์กลายมาเป็นกระแสอีกครั้ง

ทำให้เห็นว่าเจ้ารองเท้ามีรูก็เท่ได้ และยังจะเท่ต่อไปไม่ว่าจะศตวรรษไหนๆ 

อ้างอิง