©ulture

“เชียร์ยูโร … ~ เชียร์ยูโร … ~”

เชื่อว่าใครที่เฝ้าหน้าจอดูฟุตบอลยูโร (The UEFA European Football Championship) มาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน คงเคยผ่านประสบการณ์ Earworm หลอนหูกับเพลงเชียร์ฉบับไทยๆ โดยนักร้องขวัญใจมวลชนอย่าง ‘พลพล พลกองเส็ง’ กันอยู่บ้าง แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 4 ปีนี้ มีเพลงฉบับทางการเพื่อใช้ในการแข่งขันเป็นประจำมาตั้งแต่ปี 1992

แถมในแต่ละครั้งก็ยังได้นักร้อง-นักแต่งเพลงระดับโลกมารังสรรค์ จนหลายเพลงยังคงถูกเปิดฟังซ้ำๆ แม้การแข่งขันจะจบลงมานานหลายปีแล้วก็ตาม

สำหรับเพลงประจำการแข่งขันอย่างเป็นทางการของ UEFA EURO 2021 ที่เลื่อนมาจากปี 2020 เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นมีชื่อว่า ‘We Are The People’ ซึ่งเนื้อหาก็ดูจะไปไกลกว่าเรื่องของฟุตบอลและเข้ากับสถานการณ์ที่มนุษยชาติกำลังเผชิญได้เป็นอย่างดี

ฟุตบอลยูโรกำลังดำเนินมาสู่โค้งสุดท้าย ในคอลัมน์ playlist ครั้งนี้ becommon จึงได้รวบรวมเพลงอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลยูโรตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน ทำเป็นเพลย์ลิสต์ใน Spotify และพาไปสำรวจแนวคิด ที่มาที่ไป พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของแต่ละบทเพลง

1992 
More Than A Game
Towe & Peter Jöback

ปี 1992 ฟุตบอลยูโรได้ประเทศสวีเดนเป็นเจ้าภาพ และนอกจากอำนวยการแข่งขัน เพลงอย่างเป็นทางการก็เป็นหน้าที่ของพวกเขาเช่นเดียวกัน

ชื่อเพลง ‘More Than A Game’ ที่แปลได้ว่า ‘มากกว่าการแข่งขัน’ นั้นช่างเรียบง่ายแต่มีความหมายลึกล้ำ โดยเพลงนี้ได้นักร้องนักแต่งเพลงชาวสวีเดนอย่าง ปีเตอร์ โยบัก (Peter Jöback) และ ลาสส์ โฮล์ม (Lasse Holm) มารังสรรค์ ก่อนที่โยบักจะขับร้องมันด้วยตัวเอง ร่วมกับนักร้องสาวอย่าง ทูแว วิโยนิก (Towe Jaarnek)

โดยในภาคเนื้อหาของเพลงแล้ว มันก็มีท่อนฮุกแสนติดหู ที่กล่าวว่าการแข่งขันเป็นอะไรมากกว่าเกม มากกว่าชื่อเสียงหรือเงินทอง แต่มันคือความมุ่งมั่น จิตวิญญาณ และความฝันที่มีร่วมกัน ว่า

“Yes it’s more than a game, more than fortune or fame.
There’s a vision of goal. The heart of the soul, they’re part of a team.
So much more than a game, and their dream is the same.
What they’re feeling today, it will light up the way come tomorrow.
More than a game to play.”

 

1996
We’re In This Together
Simply Red

‘ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน’ ดูเหมือนจะเป็นประเด็นหลักที่มหกรรมการแข่งขันกีฬาในโนโลกนี้ยกขึ้นมาชูอยู่เสมอ เช่นเดียวกับเพลงอย่างเป็นทางการของฟุตบอลยูโร 1996 ที่มีเจ้าภาพเป็นประเทศอังกฤษอย่างเพลงที่ชื่อว่า ‘We’re In This Together‘

We’re In This Together เป็นผลงานของวงโซลป๊อปสัญชาติอังกฤษอย่าง Simply Red ถูกปล่อยออกมาสู่ท้องตลาดครั้งแรกในปี 1995 บรรจุอยู่ในลำดับสุดท้ายของอัลบั้มที่มีชื่อว่า Life ก่อนที่ในปี 1996 จะได้รับการคัดเลือกให้กลายมาเป็นเพลงธีมของการแข่งขันยูโรในที่สุด

ด้วยเนื้อหาเฉียบคมและความอลังการของการเรียบเรียงเสียงประสานที่นำนักร้องประสานเสียงกลุ่ม The Umoja Singers Chora มาร่วมขับขาน จึงส่งให้ We’re In This Together ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์มากมาย ทั้งที่บอกว่านี่คือ ‘ข้อความแห่งความหวัง’ หรือเป็นเพลงที่ ‘เต็มไปด้วยความรู้สึก’ ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังเนื้อเพลงท่อนสำคัญที่ว่า 

‘We’re in this together,  forever,  together’

 

2000
Campione 2000
E-Type

ถ้าจะมีเพลงไหนในเพลงลิสต์นี้ที่ทำให้คุณเข้าใกล้ภาวะ Earworm แบบที่เคยโดนหลอนหูมาแล้วจากเพลงของพี่พลพลมากที่สุด เราขอยกให้ Campione 2000 เพลงทางการของฟุตบอลยูโรปี 2000 ที่มีเจ้าภาพเป็นประเทศเนเธอแลนด์และเบลเยี่ยม เพราะบางครั้งเพลงฮิตก็มักมาในลักษณะของเพลงแดนซ์ จังหวะกระแทกกระทั้นของการกระหน่ำกลองรัวๆ ที่ทำให้ฮึกเฮิม และมีเนื้อเพลงวนๆ อย่าง “Campeones, campeones, oé, oé, oé” ที่ไม่จำเป็นต้องมีความหมายลึกซึ้งยิ่งใหญ่แต่ประการใด แค่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย จำติดหู ร้องติดปาก มันจึงมีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เกิดความสมัครสมานของผู้คนระหว่างร้องมันไปพร้อมๆ กันได้ไม่ยาก

Campione 2000 เป็นการร่วมงานของนักร้องชาวสวีดิชชื่อดังอย่าง E-Type ที่แต่งเพลงนี้ร่วมกับ ริก บาสคีย์ (Rick Blaskey) และ เคนต์ เบรนเนิร์ด (Kent Brainerd) แม้เนื้อเพลงจะดูซ้ำๆ วนๆ แต่ Campione 2000 ก็เป็นเพลงธีมของมหกรรมกีฬาได้เต็มภาคภูมิ จากเนื้อหาที่พูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ว่า

“There can be only one
There can be only one
Well, there can be only one
There can be only one”

 

2004
Força
Nelly Furtado

เนลลี เฟอร์ทาโด (Nelly Furtado) เป็นนักร้องแคนนาดาที่เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวโปรตุเกส เธอโด่งดังสุดขีดในช่วงทศวรรษ 2000 หลังจากออกอัลบั้มแรก Whoa, Nelly! และคว้ารางวัลแกรมมี่จากซิงเกิลชื่อ ‘I’m like a Bird’ ต่อเมื่อโปรตุเกสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโรในปี 2004 ผู้จะมาร้องเพลงประจำการแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฟอร์ทาโดผู้มีสายเลือดโปรตุเกสอยู่เต็มตัว

Força แปลตรงตัวได้ว่า ‘ความแข็งแกร่ง’ มีเนื้อหากล่าวถึงแพสชั่นและการมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้า แต่งคำร้องด้วยการผสมผสานระหว่างภาษาโปรตุเกสและอังกฤษจนเข้ากันอย่างลงตัว

 

2008
Can You Hear Me
Enrique Iglesias

‘Can You Hear Me’ เป็นเพลงจังหวะชวนขยับที่ผสมซาวนด์แบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาอย่างพอเหมาะพอเจาะ โดย เอนริเก อิเกลเซียส (Enrique Iglesias) ผู้ที่ทั้งรับหน้าที่แต่งเพลงและคนขับร้องด้วยตัวเอง คือลูกหลานคนสเปนขนานแท้ เขามีพ่อเป็นอดีตนายทวารสำรองของทีมรีลมาดริด สโมสรฟุตบอลชื่อดังของสเปน ดังนั้น อย่างน้อยๆ การมาร้องเพลงในรายการยูโร 2008 ที่มีสเปนเป็นเจ้าภาพ จึงดูเข้ากันอย่างพอดิบพอดีกับภูมิหลังของเขา และก็นับได้ว่า นี่คือการพานักร้องหนุ่มผู้นี้หวนคืนบ้านเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่เขาไปโด่งดังอยู่ไกลในตลาดเพลงเม็กซิโกและลาตินอเมริกามาอย่างนาน

2012
Endless Summer
Oceana

ในปี 2012 โปแลนด์และยูเครนจับมือร่วมกันเป็นเจ้าภาพฟุตบอลยูโร โดยได้เชิญ โอเชียนา มาห์ลแมน (Oceana Mahlmann) นักร้องสาวทรงเสน่ห์ชาวเยอรมัน ผู้มีผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ในแนวทางโซล เรกเก้ ฟังก์ และฮิปฮอป มาเป็นผู้ขับร้องเพลงที่ชื่อว่า ‘Endless Summer’ ซึ่งต่อมาเพลงนี้จะถูกบรรจุรวมอยู่ในอัลบั้มเต็มของเธอที่ชื่อ My House

Endless Summer มีจังหวะคึกคัก ชวนให้อยากขยับโยกย้ายส่ายสะโพก ผสมผสานกับสำเนียงการร้องที่สดใจ ราวโอเชียนากำลังชักชวนให้ทุกคนได้ออกมาทำกิจกรรมท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ของฤดูร้อนในปี 2012 ตามอย่างชื่อเพลง

นี่คือเพลงที่คอเกมผู้เคยเล่นเกม FIFA12 แบบทัวร์นาเมนต์ UEFA Euro 2012 น่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง เพราะมันคือเพลงธีมที่อยู่ในทุกการแข่งขันก่อนกรรมการเป่านกหวีดให้สัญญาณเริ่มเล่นนั่นเอง

 

2016
This One’s For You
David Guetta ft. Zara Larsson

“We were born to fly / So let’s keep livin’ till it all falls down” เพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลยูโรปี 2016 ที่ชื่อ ‘This One’s For You’ มีท่อนเริ่มต้นของบทเพลงที่ทรงพลัง “เราเกิดมาเพื่อโบยบิน ดังนั้นจงใช้ชีวิตจนกระทั่งถึงวันร่วงหล่น”

ด้วยการที่มีประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพลงประจำรายการแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นฝีมือของดีเจ-นักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศสชื่อดังนาม ดาวีด แกตา (David Guetta) แต่ที่พิเศษยิ่งกว่าคือการได้นักร้องสาวชาวสวีดิช ซาร่า ลาร์สสัน (Zara Larsson) มาเป็นผู้ขับร้อง

แถมมิวสิควิดีโอของเพลงนี้ก็ไม่ใช่แค่การบอกเล่าเรื่องราวที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ภูมิภาคยุโรปเท่านั้น แต่มันกลับพาเราไปพบปะผู้คนจากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อย้ำถึงความสำคัญของเนื้อร้องในบทเพลงที่ว่า “We’re in this together / Hear our hearts beat together” และก็เป็นประหนึ่งการให้กำลังใจมนุษยชาติไปในตัว เพราะไม่ว่าเราจะเป็นคนชนชาติใด เสียงร้องของซาร่า ลาร์สสันซึ่งกึกก้องไปทั่วสนามในพิธีปิดการแข่งขันอันยิ่งใหญ่เมื่อปี 2016 ครั้งนั้น ก็กำลังบอกว่า “We stand strong together / We’re in this forever — เรายืนหยัดอย่างเข้มแข็งด้วยกัน เราอยู่ร่วมกันจวบจนนิรันดร์”

 

2020
We Are The People
Martin Garrix ft. Bono & The Edge

ภายใต้โรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ทั่วโลกตกในภาวะเศร้าซึม และกำลังถูกพิษร้ายของความหมดหวังกัดกร่อนจนหัวใจหมดแรง การกลับมาจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่ต้องเลื่อนมาจัดในปี 2021 นี้จึงเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนได้กระชุ่มกระชวยอีกครั้ง และการกำเนิดเกิดขึ้นของเพลงที่มีชื่อ ‘We Are The People’ ก็ดูเหมือนจะมาได้ถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน

“We are the people we’ve been waiting for out of the ruins of hate and war”

“เราคือผู้คน เราเฝ้ารอการจบลงของการล่มสลายจากความเกลียดชังและสงคราม”

เนื้อหาของเพลงเพลงนี้ช่วยปลุกปลอบใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง มันพาผู้ฟังไปไกลกว่าโลกของฟุตบอล ช่วยชุบชูใจและเป็นแสงหน่อยๆ ส่องสว่างให้มนุษยชาติพอจะได้เห็นความหวัง

We Are The People เป็นผลงานของ มาร์ติน แกร์ริกซ์ (Martin Garrix) ดีเจหนุ่มชาวดัตช์ ที่ได้ โบโน่ (Bono) นักร้องนำ และ ดิเอจด์ (The Edge) มือกีต้าร์แห่งวงร็อกระดับตำนานอย่าง U2 มาร่วมงานในภาคเนื้อร้องและริฟฟ์เท่ๆ จนกลายเป็นบทเพลงที่ลงตัวด้วยท่อนฮุกแสนจับใจว่า

“Cause you’ve faith and no fear for the fight
You pull hope from defeat in the night
There’s an image of you in my mind
Could be mad but you might just be right”

 

เพลย์ลิสต์ UEFA EURO anthems

อ้างอิง

  • uefa.com. Martin Garrix, David Guetta, Enrique Iglesias: all the EURO finals’ songs. https://bit.ly/35nXsE7