life

หาก ‘รัก’ เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของชีวิต เราย่อมต้องการความรักที่ดี แต่รักนั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ฉาบฉวยที่ ‘เกิดง่ายหน่ายเร็ว’ ทันที ถ้าเราบังเอิญตกหลุมรักใครสักคนเข้า โดยไม่ทันได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือ Narcissist

เพราะ Narcissist หรือคนที่หลงตัวเองจนเกินไป เป็นความบกพร่องทางบุคลิกภาพรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมักแสดงออกถึงความรักในระดับรุนแรงและเหลือล้นกว่าคนทั่วไปจะคิดทำ เพื่อหวังสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ก่อเกิดเป็นความรู้สึกพิเศษเหนือใครจนทำให้เราเข้าใจว่าตัวเองคือคนสำคัญสำหรับเขา

แม้รู้จักกันได้ไม่นาน แต่คำพูดที่เขาเลือกใช้พร่ำบอกเราอยู่ตลอดจะสื่อความหมายทำนองว่า ‘ในชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเจอใครที่ดีเท่านี้’ แล้วสายตาของเราก็ไม่ได้มองเห็นเขาเป็นเพียงคนปากหวานที่ดีแต่พูดเอาใจไปวันๆ เพราะเขาพิสูจน์ให้เรารับรู้ได้ถึงความเอาจริงเอาจังในความสัมพันธ์ผ่านการกระทำ

ทุกการกระทำจึงเปรียบได้กับการปาระเบิดความรักหรือ love bombing ใส่ใจของเรา ซึ่งมีอานุภาพเกินต้านทาน ไม่ว่าก่อนหน้านี้ใจจะแข็งขนาดไหนก็ย่อมพ่ายแพ้และอ่อนระทวย เพราะสิ่งที่ปะทุออกมาจากระเบิดคือมวลความโรแมนติก กลิ่นอายเหล่านี้ตลบอบอวลชวนให้เราเคลือบเคลิ้มอยู่เสมอ จนปักใจเชื่อไปแล้วว่า เขาคือคนที่ใช่ เขานี่แหละนำความรักที่ดีมาสู่ชีวิตเราได้ เหมือนที่ตัวเราเองก็จะมอบความรักและความหวังดีให้เขาเช่นเดียวกัน

จนกระทั่งม่านหมอกที่เคยลวงให้เราลุ่มหลงจางหายไป จากความรักน่าตื่นเต้นชวนให้ตื้นตันใจกลับแปรเลี่ยนเป็นความว่างเปล่า เหลือแค่เราตัวคนเดียวยืนเคว้งท่ามกลางความสับสนงงงวง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น แล้วเขาคนนั้นหายไปไหน

ความร้ายกาจจาก love bombing ของคนหลงตัวเอง คือ การเล่นกับความรู้สึกให้เข้าใจว่าเราคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีเขา เพราะเขารักและสนใจเรามากกว่าใคร แล้วเราก็เห็นเขาเป็นคนทะเยอะทะยาน มีเป้าหมายในชีวิต และต้องการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ทั้งหมดอาจเป็นเศษเสี้ยวของตัวตนของจริงๆ หรือเป็นแค่การหลอกล่อก็ได้

ธรรมชาติของคนหลงตัวเองมักต้องการความสนใจ ความชื่นชม และความรักตลอดเวลา เพราะภายในใจลึกๆ ของเขาไม่เคยรู้สึกมั่งคงเลยสักครั้ง แทบไม่มีความเชื่อมั่นหรือความภูมิใจใดๆ ในตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนระดับการนับถือตัวเองก็ต่ำมากๆ จึงมองหาหนทางที่จะทำให้ตนได้รับการยอมรับ อย่างกรณีนี้คือผู้อื่นที่เขาจงใจหว่านเสน่ห์ให้หลงรัก แล้วใช้คนนั้นเป็น ‘เหยื่อ’ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ซึ่งช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากใจได้

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขารู้สึกว่าทำสำเร็จหรือได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจใครอีก จึงตัดจบความสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใย ปัดความรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นขณะคบกันก่อนหน้านี้ กลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีความข้องเกี่ยวกันอีก นับเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับคนตกลงปลงใจหวังสานความสัมพันธ์ระยะยาว และเป็นความเห็นแก่ได้จากคนหลงตัวเอง ที่เข้ามาในชีวิตแล้วลวงให้หลงรัก ก่อนจะผลักลงเหวในวันที่หมดประโยชน์

เพื่อป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อที่ถูกคนหลงตัวเองใช้เป็นเครื่องมือสร้างความพึงพอใจในชีวิต จึงจำเป็นต้องรู้เท่าทันพฤติกรรมหรือการกระทำที่เข้าข่าย love bombing ซึ่งสังเกตได้ตามแนวทางต่อไปนี้

1. กล่าวชมไม่ขาดปาก

คนหลงตัวเองจะพูดจาน่าฟัง แต่ละประโยคที่ออกมาจากปากต้องการเน้นย้ำว่าเราเป็นคนที่ดีที่สุด เขามักจะใช้วิธีเปรียบเทียบกับคนอื่นให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เช่น เราดีกว่าแฟนทุกคนที่เคยคบหา รวมถึงพูดโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมให้เชื่อว่าเขาคือ soul mate เราต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกัน เหตุผลที่เขาพูดชมเพราะเป็นวิธียกระดับตัวเองทางอ้อม เมื่อเราดีที่สุดเท่ากับว่าเขาได้คบกับคนที่ดีที่สุดโดยปริยาย

2. เอาอกเอาใจเก่งเป็นที่หนึ่ง

ปฏิบัติต่อเราประหนึ่งคนสำคัญที่สุดของชีวิต เช่น ซื้อของมีมูลค่าสูงให้ทั้งๆ ที่ไม่มีวาระพิเศษ (จะมีได้อย่างไรในเมื่อเพิ่งรู้จักกัน) ชอบสร้างเซอร์ไพรส์ให้เป็นจุดสนใจ เช่น ส่งดอกไม้ช่อโตไปให้ที่ทำงาน หรือชวนไปเที่ยวโดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่เบื้องหลังการกระทำสุดแสนจะประทับใจทั้งหมดนี้คือความต้องการให้เราสำนึกในบุญคุณ และแสดงออกว่าตนมีอำนาจเหนือกว่าจึงทำอะไรก็ได้ตามใจอยาก

3. ออกอาการหวงแหน

ไม่ทันไรก็ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาจะใช้ภาษากายวางท่าทีที่บ่งบอกความใกล้ชิด โดยเฉพาะในที่สาธารณะจะยิ่งโอบกอดและถึงเนื้อถึงตัวมากกว่า เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นของเขา หวังให้คนรู้สึกอิจฉา แต่นานวันเข้าเรากลับรู้สึกไม่หลงเหลือความเป็นส่วนตัวอีก ไม่ว่าจะให้เวลามากเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ตัวต้องติดกันตลอด เขาอยากรู้ว่าเราทำอะไร กับใคร ที่ไหนทุกเมื่อ

4. ขัดใจเมื่อไหร่มีเรื่องเมื่อนั้น

เขารับไม่ได้ถ้าเราเบี่ยงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขา เพราะเขาต้องการให้เราสนใจเขาคนเดียว และไม่พอใจอย่างมากหากเราห้ามไม่ให้ทำบางสิ่งบางอย่างตามอำเภอใจเพราะเราไม่ชอบหรือเห็นว่าไม่ควรทำ เช่น ห้ามไม่ให้ก้าวกายเรื่องส่วนตัวหรือรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เขาไม่มีสิทธิ์มาหาที่บ้านโดยพลการ ห้ามโทรจี้ หรือทักแชตถี่ๆ โดยไม่มีเหตุจำเป็น เขาจะแสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจทำให้เราเป็นฝ่ายผิดเสียเอง เพราะลึกๆ แล้วเขาต้องการควบคุมและบงการเราเพียงฝ่ายเดียว

5. เร่งรัดความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนต้องการระยะเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายเรียนรู้ตัวตน ความคิดความอ่านของกันและกันซึ่งไม่อาจรวบรัดได้ จึงเป็นไปได้ยากที่จะมีใครรู้สึกรักเราสุดหัวใจอย่างไม่มีที่มาที่ไปในเวลาอันสั้น เขาจะรบเร้าถึงการสร้างอนาคตด้วยกัน แต่ในความเป็นจริง เขาไม่เคยสนใจพัฒนาความสัมพันธ์ แค่ต้องการสร้างความมั่นใจในตัวเองโดยใช้ประโยชน์จากเราเท่านั้น เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกลับมามั่นใจอีกครั้ง ก็พร้อมหนีหายไปทันที ไม่แม้กระทั่งจะบอกเลิก

หากทบทวนความสัมพันธ์ตั้งแต่มีเขาเข้ามาอยู่ในชีวิต จะรู้สึกผิดแปลกไปจากตอนที่เราอยู่คนเดียวมาก เพราะเขาฉกฉวยทั้งเวลาและความสนใจของเราไปจนหมด เรากลายเป็นคนไม่มีเวลาทำสิ่งที่เคยทำ เช่น ไม่ได้เจอเพื่อนฝูง ไม่ได้ทำงานอดิเรก ไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจ ดังนั้น ยิ่งเรารู้ตัวเร็วและไวต่อความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นพิษจากคนหลงตัวเองมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งยุติเรื่องทั้งหมดและตีตัวออกห่างได้เร็วเท่านั้น

สำหรับบางคนอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองเห็นความผิดปกติเหล่านี้ เพราะความรักมักทำให้ตาบอด แต่อย่างน้อยที่สุด ขอเพียงระลึกไว้ว่า เมื่อรักครั้งใหม่เข้ามาทักทาย ดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนหลงตัวเองที่ทำตัวเป็นระเบิดหลอกให้รักแล้วจากไป

 

อ้างอิง

  • Lindsay Dodgson. Manipulative people hook their victims with a tactic called love bombing. https://bit.ly/3oIokHT 
  • Suzanne Degges-White. Love Bombing: A Narcissist’s Secret Weapon. https://bit.ly/3frAmRG 
  • Strutzenberg, C.C., Wiersma-Mosley, J.D., Jozkowski, K., & Becnel, J. (2017). Love-Bombing: A Narcissistic Approach to Relationship Formation. Discovery, The Student Journal of Dale Bumpers College of Agricultural, Food and Life Sciences, 18(1), 81-89. Retrieved from https://bit.ly/3hD0qM6