ถ้าคุณเป็นนักท่องเที่ยวสาย Glamping (มาจากการรวมกันของคำว่า Glamorous ที่แปลว่า “เสน่ห์” และ Camping)
ชื่อของ Jumtla Campiness น่าจะเป็นที่คุ้นหูและคุ้นตากันอยู่บ้าง
เพราะภาพรีวิวที่พักสไตล์ Glamping สวยๆ ตามโซเชียลมีเดีย และสื่อช่องทางต่างๆ อาจทำให้คุณสะดุดตา
เหมือนที่เราตัดสินใจเดินทางไปสัมผัส Jumtla Campiness ให้เห็นกับตา หลังจากเห็นภาพสวยๆ มีสไตล์เหล่านั้น
โดยเราเลือกเช็คอินที่ Jumtla Campiness ณ บ้านไร่เกษมสุข จ.นครปฐม อันเป็นสาขาแม่ที่จุดประกายให้เกิด Jumtla Campiness ในจังหวัดต่างๆ และเป็นที่ที่ทำให้เราได้พบกับ จั้ม-ธัชชัย ถิรรัถยา ผู้เจียระไนความสุข ณ Jumtla Campiness ออกมาให้ทุกคนสัมผัสได้
หลังจากพูดคุยกับพ่อบ้านแห่ง Jumtla Campiness หลายเรื่องราวทำให้เราหวนกลับมาคิดทบทวนความหมายของความสุขอีกครั้ง
ว่าความสุขในชีวิตที่เราโหยหามาตลอดนั้น หน้าตาเป็นอย่างไร
มันคือการได้เห็นตัวเลขจำนวนเงินมากๆ ในบัญชี โดยแลกกับจิตวิญญาณและสุขภาพที่เสื่อมโทรม หรือการมีรายได้พอเลี้ยงชีวิตแบบที่อยากจะเป็น
จั้มและ Jumtla Campiness แคมป์แห่งความสุขของเขา ตั้งคำถามนั้นกับเราในใจ
“ตอนที่ริเริ่มสร้าง Jumtla Campiness ขึ้นมา ตอนนั้นคุณคิดอะไรอยู่”
“คิดว่าอยากจะทำอะไรที่เป็นความสุขของเรา” จั้มอดีตช่างภาพอาชีพ และคนทำงานออร์แกไนซ์ ผู้ใช้ชีวิตในโลกการทำงานไปกับการเดินทาง และให้เวลากับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนรู้สึกอิ่มตัว เอ่ยถึงความสุขตั้งแต่วินาทีแรกๆ ที่เราเริ่มต้นสนทนา
“ที่ผ่านมาผมเดินทางมามากมาย จนพบว่าหนึ่งในสิ่งที่เป็นความสุขของชีวิต คือการตั้งแคมป์ เลยออกแบบธุรกิจท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่มีฤดูกาลท่องเที่ยว เป็นที่พักที่สามารถรองรับลูกค้าได้ตลอด สามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากนัก และจะต้องเกิดความสุข ทั้งต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ”
ไอเดียที่ล่องลอยอยู่ในความคิดมาเนิ่นนาน ที่อยากจะเปลี่ยนพื้นที่บ้านเกิดในจังหวัดนครปฐม ให้เป็นที่พักในฝัน แต่ต้องสะดุดลงเพราะปัญหาน้ำท่วม ถูกจุดประกายให้เป็นจริง เมื่อจั้มได้เห็นภาพถ่ายวิวภูเขา ณ จุดกางเต๊นท์บ้านขุนเขารักไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เขาตัดสินใจติดต่อเจ้าของพื้นที่ เพื่อร่วมกันพัฒนาไอเดีย Jumtla Campiness ที่วนเวียนอยู่ในความคิดของเขาให้กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
แนวคิดการสร้างแคมปิ้งของจั้มถือว่าแปลกในสมัยนั้น เพราะเขานำเสนอที่พักในรูปแบบที่สวยงาม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายในระดับหนึ่ง ซึ่งต่อมาผู้คนจะให้คำจำกัดความมันว่า Glamping
“Glamping คือการที่คุณเปลี่ยนบรรยากาศไปพักผ่อนแล้วยังได้บรรยากาศความสุขของการตั้งแคมป์อยู่ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับหนึ่ง พูดง่ายๆ ว่าไม่สบายและไม่ลำบากจนเกินไป ไม่ใช่รีสอร์ทที่เอากระโจมไปตั้ง เพื่อดึงดูดลูกค้ามาถ่ายรูป มีพร้อมทุกอย่างแล้วเรียกว่า Glamping นั่นไม่ใช่ในความหมายของผม”
เพราะสำหรับจั้ม Glamping คือวิถีชีวิตและแก่นแกนของตัวเขา ที่ปัจจุบันเขาขยายวิถีชีวิตที่เขาชื่นชอบและเป็นความสุขของเขาให้คนทั่วไปสัมผัสได้ โดยผ่าน Jumtla Campiness ที่กระจายอยู่ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม พิษณุโลก เพชรบุรี กาญจนบุรี และเชียงใหม่
จั้มบอกว่า Jumtla Campiness หาใช่อื่นใด แท้จริงแล้วคือภาพแทนของการออกแบบความสุข
“การออกแบบความสุขของผม คือการไม่เอาความเป็นตัวผมไปยัดเยียดใส่คุณ แต่ผมไปขยายความสุขตามธรรมชาติที่มีอยู่เดิมให้ชัดเจนขึ้น Jumtla Campiness ในทุกๆ ที่ จึงมีมุมที่คุณสามารถไปนั่งแล้วมีความสุขได้
“มีลูกค้าคนหนึ่งเคยถามผมที่แคมป์ อ.เนินมะปราง (พิษณุโลก) ว่าจุดขายของที่นี่คืออะไร ผมก็ตอบเขาไปว่ามันคือการที่คุณได้นั่งนิ่งๆ ฟังเสียงนกร้อง ให้ลมเย็นๆ พัดผ่านผิว เพราะผมมั่นใจว่าจุดที่ผมเลือกเอาเก้าอี้ไปวาง เป็นการสื่อสารที่ผมส่งไปถึงคุณว่า นั่งตรงนี้แล้วมีความสุข”
จั้มบอกว่า กว่าที่เขาจะ ‘เจียระไน’ ความลงตัวของแต่ละแคมป์ออกมาได้ “ผมใช้เวลาคิดอยู่นานพอสมควรจนตกผลึก”
ต้องยอมรับว่า ภาพถ่ายสวยๆ ในฉากมุมต่างๆ ของ Jumtla Campiness เหมือนร่ายมนต์สะกดให้คนที่เห็นภาพอยากเข้าไปสัมผัสองค์ประกอบในบรรยากาศนั้นจริงๆ
ซึ่งนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่จั้มตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เขาจึงลงมือเลือกมุมถ่ายภาพโปรโมทสถานที่ด้วยตัวเอง เพื่อถ่ายทอดความสุข ที่มีความหมายลึกซึ้งกว่าความสวยงาม
“หัวใจในการตกแต่งกระโจมของผมคือ ให้ลูกค้าเข้าไปอยู่ข้างในนั้นแล้วมีความสุข แม้แต่เรื่องหลังคา ถ้าลองดูรูปแคมป์ของ Jumtla Campiness จะเห็นว่าหลายๆ ที่ของเรามีหลังคาคลุมกระโจมอยู่ พอถ่ายรูปมุมสูงออกมาอาจจะไม่สวย แต่ผมไม่ได้ต้องการให้ไปโฟกัสกับกระโจมเป็นหลัก ไม่อย่างนั้นลูกค้าจะมีความคาดหวังว่ากระโจมต้องสวย
“สำหรับเรา เราขายความสุข ผมอยากให้ลูกค้าสามารถเข้าไปอยู่ในแคมป์เวลาไหน ฤดูกาลใดก็ได้ ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีหลังคา แล้วเข้าไปอยู่ในนั้นช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ อากาศจะร้อนมาก อย่างนี้คนที่มาพักก็จะไม่มีความสุข ดังนั้นที่นี่จึงรองรับลูกค้าได้ตลอดทั้งปี ไม่เว้นแม้แต่หน้าร้อนหรือหน้าฝน ผมเคยเป็นช่างภาพและถ่ายภาพมาทุกฤดูกาลแล้ว ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้สวยที่สุดในฤดูฝน และผมเลือกที่จะนำเสนอข้อดีของการพักผ่อนในฤดูนี้ ตัวอย่างเช่น คนที่มาพักที่นี่ชอบมานั่งมองฝนตกผ่านใบจาก ได้เห็นไอน้ำในแม่น้ำลอยต่ำๆ หลังฝนตก ในส่วนข้อจำกัดต่างๆ ผมก็เตรียมรับมือไว้หมดแล้ว ผมเชื่อว่าหน้าฝนเราอยู่ได้ ไม่ถึงขั้นลำบาก แต่ก็ไม่สบาย มันมีคุณค่าในการแลกมาซึ่งความลำบากนิดหน่อย เพื่อให้ได้บรรยากาศที่กล่าวไปข้างต้น บางคนยอมแลก”
ถึงแม้ค่าพักแรมของที่นี่จะอยู่ในระดับหลักพัน ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับโรงแรมในละแวกใกล้เคียงที่ส่วนใหญ่อยู่ในราคาหลักร้อย แต่เมื่อนับจำนวนเต็นท์ที่มีเพียงไม่กี่หลังท่ามกลางพื้นที่กว้างใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ คำถามคือหากนี่คือการทำธุรกิจ มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเหรอ?
“พอถึงจุดหนึ่ง เราต้องเลือกครับ ว่าเราอยากได้ความสุขหรืออยากได้อะไร ผมเคยทำงานบริษัท มีลูกน้องมากมาย ทำรายได้พุ่ง 7-8 หลักต่อปี แต่มันต้องแลกมากับการที่ผมแทบไม่ได้นอน บ้านนี่ไม่ได้กลับเลย ผมรู้สึกว่าไม่มีความสุข ผมเหนื่อย และใช้ร่างกายตัวเองเยอะมาก
“กลับกัน พอมาทำแคมป์ผมรู้สึกมีความสุขมาก แม้ไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ภรรยาได้ใช้พรสวรรค์ทำงานที่ชอบ ลูกได้วิ่งเล่น ก่อทราย ตักดิน ผมได้มีเวลาออกเดินทางท่องเที่ยวไปดูแคมป์ที่ต่างๆ บ้าง ดังนั้นถ้าให้เลือกระหว่างสิ่งเหล่านี้กับเงิน ผมเลือกสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าเงินจะเป็นความต้องการพื้นฐาน แต่ความสุขก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน”
หลายๆ คนที่กำลังอ่านเรื่องราวของ Jumtla Campiness อาจกำลังวาดหวังถึงไลฟ์สไตล์ในอนาคตที่เหนือกว่าตัวเลขในบัญชี แต่เป็นความสุขในการใช้ชีวิต สิ่งที่เขาทำอยู่จึงเหมือนเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังคิดจะพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง อยากสร้างความสุขสำเร็จได้เช่นเดียวกับเขา
ทว่าคอนเซ็ปต์ของ Jumtla Campiness เปิดกว้างมากกว่าที่เราคิด คือไม่ใช่แค่อ้าแขนโอบกอดคนที่มาเข้าพักด้วยความสุข แต่จั้มยังสร้างความสุขให้กับคนที่มีพื้นที่และฝันอยากเป็นผู้ประกอบการไปพร้อมกับเขา
“ถ้าใครอยากมีแคมป์ เราสามารถมาสร้างฝันร่วมกันได้ ผมก็จะไปดูก่อนว่าคุณเป็นใคร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน สถานที่ของคุณเป็นอย่างไร แล้วดีไซน์จากสิ่งเหล่านั้นออกมา เอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีเงื่อนไขเดียว คือคุณต้องเป็นคนลงมือส่งมอบความสุขด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่เราขายลูกค้าคือ ‘ความสุข’
“ดังนั้นก่อนจะไปถ่ายทอดความสุขให้ใคร พ่อบ้านทุกคนต้องมีความสุขก่อน ถ้าไม่ทำเอง การส่งต่อความสุขไปถึงลูกค้าก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ที่นั่ง ที่นอน ที่พักผ่อน ทุกรายละเอียดการกินอยู่ตามวิถีชีวิตของพ่อบ้านแต่ละคนคือสิ่งสำคัญ ต่อให้องค์ประกอบเรื่องโลเคชั่นไม่ได้ แต่ถ้ามีใจรักที่จะทำ ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะทำออกมาตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ได้
“สิ่งนี้จะสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตคุณได้หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ตัวคุณ ผมเชื่อว่าการตลาดที่ดีที่สุด คือการขายวิถีชีวิต คำว่า ‘วิถีชีวิต’ คือการไม่ปรุงแต่งจนเกินกว่าความเป็นจริง ธรรมชาติคุณเป็นยังไงแล้วมีความสุข คุณก็เอาสิ่งนั้นมาเสิร์ฟลูกค้า แล้วคุณจะพูดได้เต็มปากว่าทำไมถึงทำสิ่งนั้น ทำไมที่บ้านไร่เกษมสุขถึงเสิร์ฟกุ้ง เสิร์ฟไก่ทอดเกลือ แกงไหลบัว น้ำพริกกะปิ เพราะว่าผมกับภรรยาชอบกิน รสชาติที่เราเสนอก็คือสูตรของเรา ความเป็นไปได้ของธุรกิจนี้จึงอยู่บนบรรทัดฐานที่ว่า มันคือชีวิตที่เป็นจริง ที่ไม่ขัดเขินกับตัวตนของคุณ คุณจะสามารถเปิดรับลูกค้าแบบที่คุณรับเพื่อนมาเที่ยวบ้าน หรือต่อให้ไม่มีแขกมา มันก็ยังเป็นบ้านที่คุณใช้ชีวิตอยู่ได้”
“มาตรวัดความสำเร็จของ Jumtla Campiness คืออะไร” เราทิ้งท้ายการมาเยือนด้วยคำถามนี้
จั้มนิ่งคิดก่อนตอบว่า “คงเป็นการที่เราสามารถใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็นแล้วยังมีเงินใช้ โดยไม่ต้องขวนขวายปัจจัยอะไรมาก ทุกวันนี้ผมสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เพราะกลไกของ Jumtla Campiness ถูกวางระบบไว้ให้สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว และถ้ามีใครถามว่า ทุกวันนี้พอใจกับ Jumtla Campiness ที่สร้างขึ้นมากับมือมากน้อยแค่ไหน ผมจะตอบว่า มากถึงมากที่สุด”
อันที่จริง สำหรับคำถามทิ้งท้าย เจ้าของโปรเจคท์แคมป์แห่งความสุขแทบไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ เพราะรูปแบบชีวิตที่เขาเป็นอยู่ในวันนี้
น่าจะตอกย้ำคำตอบนั้นได้ดีที่สุด.
ติดต่อจองที่พักเพื่อสัมผัสความสุข ณ Jumtla Campiness ทั้ง 6 โลเคชั่นได้ที่เพจ Jumtla Campiness
