life

วันวาเลนไทน์มาถึงทีไร คนโสดหลายคนคงรู้สึกว่า วันนี้ไม่ใช่วันของเรา

แต่ก็ใช่ว่าวันนี้จะเป็นวันของคนที่มีคนรักไปซะทั้งหมด เพราะในวันที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นวันแห่งความรัก แม้มันจะอบอวลไปด้วยดอกกุหลาบ ช็อกโกแลต และโลกนี้สีชมพูแล้ว ในด้านหนึ่งยังมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความคาดหวัง’

คู่รักหลายคู่ทะเลาะกัน งอนกัน หรือกระทั่งผิดใจกันรุนแรง เพราะต่างคาดหวังว่าในวันพิเศษนี้ต้อง ‘พิเศษ’ กว่าวันไหนๆ และปัญหาจะเกิดทันที เมื่อเธอและฉันให้น้ำหนักกับวันพิเศษนี้ไม่เท่ากัน

วาเลนไทน์จึงเป็นได้ทั้งวันที่คนรักได้ร่วมเฉลิมฉลองความรักที่มีให้กัน เพื่อเราจะจับมือกันแน่นขึ้นกว่าเดิม และวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของการนับถอยหลังสู่การปล่อยมือ

การมีคนรักที่ ‘พอดี’ จะทำให้ทุกๆ วัน ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่วันนี้ เป็นวันของเรา แต่กลับกัน เมื่อมีคนรักที่ไม่ใช่ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ก็จะมีแต่วันที่ไม่ใช่เรา แต่แบ่งฉันแบ่งเธอ

มองในแง่นี้ บางทีการเป็น ‘โสด’ อาจเป็นพรของชีวิต ที่ให้เราได้ใช้เวลาหยุดคิดพิจารณา เพื่อหาคนที่ใช่และพอดี

แน่นอน ความรักเป็นเรื่องซับซ้อนและเป็นเรื่องของมุมมอง ไม่มีใครเป็นฮาวทูให้ใครได้ ว่าคนรักที่เราควรรักควรมีหน้าตาแบบไหน

แต่ในแง่หนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีมุมมองที่น่าคิดน่าฟัง

สุลักษณ์ ศิวรักษ์
สุลักษณ์ ศิวรักษ์

ครั้งหนึ่ง สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับภรรยา (นิลฉวี ศิวรักษ์) มาตั้งแต่ พ.ศ.2507 ได้พูดถึงการเลือกคู่ในมุมมองของเขาในหนังสือ สอดสร้อยมาลา ศิวาลังการ ตอน ‘การเลือกคู่ครอง’ ว่า

“เวลาคิดจะแต่งงาน พยายามดูว่าภรรยาผม บ้านช่องห้องหอเรียบร้อย ครอบครัวเขาอยู่กันอย่างมีศีลมีธรรม อยู่กันอย่างสงบ ผมเห็นว่าเป็นเกณฑ์สำคัญในการช่วยเลือก มิฉะนั้นสิ่งอื่นๆ จะมาเป็นเกณฑ์ตัดสินที่เร็วเกินไป

“หลายครั้งผมเป็นห่วงคนรุ่นใหม่ที่ไปเลือกเอาสิ่งที่มีหน้ามีตา มีทรัพย์สินมีอะไรพวกนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียในตัวของมันเอง แต่การเลือกคู่ครอง สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นประเด็นหลักในการตัดสิน

“…ผมอยากจะเตือนไว้ การเลือกคู่ครองนั้น อย่านึกเพียงเรื่องเพศเป็นหลัก อย่านึกเรื่องเงินทอง หรือเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ให้พยายามนึกถึงเรื่องอื่นๆ เรื่องคนข้างเคียง ครอบครัว ทัศนะ ความโอนอ่อนเข้าหากัน จุดอ่อนจุดแข็งซึ่งกันและกัน ถ้าคิดอันนี้ได้รอบมากเท่าไร ก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น อย่าพยายามให้ความตาบอดมาตัดสิน เอะอะก็อ้างว่ารักๆๆ…”

คำพูดของ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ชวนให้นึกถึงประโยคในสุภาษิตสอนสตรีที่ว่า ‘เขาว่ารักรักนั้นประการใด’ แม้ต้นฉบับจะสื่อถึงการเตือนใจผู้หญิงให้พิจารณาถึงคำว่า “รัก” ของผู้ชาย แต่ในแง่นี้ ก็ชวนให้ย้อนมองและตั้งคำถามกับตัวเราได้เหมือนกันว่า ถ้าเราจะ “รัก” ใครสักคน เราเลือกรักด้วยเหตุผลใด

เรามีเงื่อนไขกับความรักของเรามากแค่ไหน จำเป็นไหมที่ต้องหล่อ สวย รวย โปรไฟล์ดี มีรถขับ และอื่นๆ

“ไม่ใช่เรื่องเสียในตัวของมันเอง แต่การเลือกคู่ครอง สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นประเด็นหลักในการตัดสิน” แม้ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ จะว่าไว้เช่นนั้น แต่อย่างที่บอก ความรักเป็นเรื่องของใครของมัน

‘เราแสวงหาสิ่งใดกับความรัก ความรักก็จะตอบแทนสิ่งนั้นแก่เรา’

จาลาลุดดีน มูฮัมมัด รูมี
รูมี

ประโยคนี้ผู้เขียนไม่ได้คิดเอง แต่มีต้นทางมาจากบทกวีของ ‘รูมี’ มหากวีแห่งเปอร์เซีย ในช่วงศตวรรษที่ 13 ที่ประพันธ์บทกวีเกี่ยวกับความรักไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือบทกวีที่เขียนว่า…

สิ่งที่เจ้าแสวงหา เสาะค้นมาสู่เจ้าเช่นกัน*

วันนี้วันแห่งความรัก ขอให้คนโสดที่ปรารถนาจะมีคนรัก ได้พบหน้าความรักที่ค้นหาในเร็ววัน

ส่วนหน้าตาคนรักจะเป็นแบบไหนนั้น ลองส่องกระจกดูใจตัวเอง

นั่นแหละ หน้าตาความรักของคุณ.

จงแสวงหาความงามของหัวใจใช่ใบหน้า

สิ่งงามใช่ว่าดีเสมอไป

แต่สิ่งดีไซร้ล้วนงดงาม**

รูมี

รูมี กวีลำนำรัก หนังสือ
หนังสือ ‘รูมี กวีลำนำรัก’

หมายเหตุ: บทกวี * และ ** มาจากหนังสือ รูมี กวีลำนำรัก คัดสรรและเรียบเรียงโดย สดใส ขันติวรพงศ์ หน้า 84 และ 209, สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา