เคยคิดไหมว่าความหิวหลังออกกำลังกายยามเช้า กับป้ายบ้านให้เช่าระหว่างทาง จะเปลี่ยนพื้นที่ชานเมืองธรรมดาให้กลายเป็นร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่น
หลังจากวันที่เห็นป้ายนั้น ‘คุณหน่อย’ ปุบปับตัดสินใจเปิดร้านอาหารเพื่อดับความโมโหหิว แต่ด้วยความที่เป็นคนละเอียดบวกกับทำอะไรเต็มที่ ขั้นตอนก่อนจะมาเป็นร้านนี้จึงปุบปับไม่ได้เลย ทุกอย่างผ่านการคิดและเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกคนได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด
เธอใช้เวลาปลูกปั้นร้านในฝันถึง 2 ปีเต็ม จนออกมาเป็นร้านที่ตั้งใจสร้างเป็นพื้นที่ให้ทุกครอบครัวมีความสุขบนโต๊ะอาหารร่วมกัน
จากประสบการณ์ที่ทำร้านอาหาร Checkmate Bar & Bistro โดยดูแลด้านบัญชี ทำให้เธอมีพื้นฐานและคนรู้จักที่ถนัดด้านนี้อยู่ แล้วสามีของเธอ (คุณตูน) ก็อยากเปิดร้านกาแฟอยู่แล้วด้วย เขาเลยศึกษาเพิ่มอย่างจริงจังเพื่อมาเปิดร้านด้วยกัน หลังจากนั้นก็ได้เพื่อน (คุณโบ) อีกคนที่ถนัดด้านการตลาดและแพลนนิ่งมาร่วมด้วย ส่วนตัวเธอเองไปศึกษาด้านขนม เพื่อเสริมส่วนที่แต่ละคนไม่ถนัดจนร้านออกมาสมบูรณ์
เติมเต็มความสุขของคนย่านชานเมือง
สิ่งแรกที่สะดุดตาก่อนเดินเข้ามาข้างใน คือร้านที่โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินเข้มขับกับท้องฟ้า กับการออกแบบที่ดูหรูหรา โมเดิร์น ราวกับคาเฟ่ใจกลางเมืองใหญ่ เราเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณหน่อยถึงเลือกเปิดร้านที่นี่
เธอเล่าว่าตอนแรกไม่ได้มีแพสชันส่วนตัวเกี่ยวกับอาหาร แต่พอเธอย้ายมาอยู่แถวพระราม 2 เพราะต้องรับ-ส่งลูกที่โรงเรียนรุ่งอรุณ ก็พบว่าแถวนี้ไม่มีร้านอาหารอร่อยๆ สไตล์ที่เธอชอบเลย
ร้านอาหารกลิ่นอายฝรั่งเศสจึงเป็นสิ่งที่เธออยากทำ และคิดว่าคนละแวกนี้ก็น่าจะต้องการร้านอาหารดีๆ มีคุณภาพ แถมนั่งสบายเช่นกัน อีกทั้งอยู่ใกล้โรงเรียนลูกก็ทำให้บริหารสะดวกด้วย
แล้วก็เป็นไปตามคาด หลายครอบครัวที่อยู่บริเวณนี้ต่างขอบคุณและอุดหนุนที่นี่เป็นประจำ บางคนตั้งหน้าตั้งตารอตั้งแต่ตอนที่ร้านยังไม่แล้วเสร็จ เป็นเพียงบ้านเช่าเก่าๆ คอยดูว่าพื้นที่นี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จนกระทั่งกลายเป็นร้านอาหารสวยหรูขึ้นมาได้ ทำเอาผู้คนตื่นตาตื่นใจ แวะเข้ามาทานกันไม่ขาดสาย
ร้านอาหารที่มีความอบอุ่นแบบ ‘บ้านๆ ’
เสียงเปิดประตูแว่วมาอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วตั้งแต่เราเข้ามานั่งในร้าน และแต่ละครั้งก็จะมีครอบครัวตั้งแต่ปู่ย่าตายายยันเด็กเล็ก เดินตามกันเข้ามาทีละคนจนครบ สอดส่องมองหาโต๊ะใหญ่ที่ยังพอว่างอยู่
“อาหารจะมีรสชาติต่อเมื่อทานกับคนที่เรารัก ซึ่งก็คือครอบครัว”
คอนเซ็ปต์ของร้านที่สร้างจากบ้านสองหลังหันมาชนกัน เปรียบเสมือนการมาเจอกันของครอบครัว จุดมุ่งหมายของเธอจึงเป็นการทำให้หลายคนที่ชอบอะไรหลายแบบมาอยู่ด้วยกันได้เหมือน ‘บ้าน’ และนี่ก็คือที่มาของโลโก้ที่เป็นบ้านสองหลังหันเข้าหากันนั่นเอง
สำหรับเมนูก็บ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าที่นี่เป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัวจริงๆ เพราะมีทั้งอาหารเผ็ด-ไม่เผ็ด อาหารมังสวิรัติ เค้กและไอศกรีมที่เด็กชื่นชอบ รวมทั้งเครื่องดื่มตั้งแต่ชา กาแฟ ไปจนถึงเบียร์และค็อกเทล เรียกได้ว่าคิดมาอย่างดีเพื่อให้ตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย
แม้แต่ของแต่งร้านอย่างเปียโนไม้ จักรยาน และราวแขวนผ้า ก็มาจากข้าวของส่วนตัวจากบ้านของเธอเอง ส่วนรูปในกรอบตามมุมต่างๆ ก็เป็นรูปที่ถ่ายโดยลูกสาวของคุณโบ ซึ่งอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
เมื่อทุกอย่างถูกนำมารวมกัน ร้านนี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนบ้าน มีความอบอุ่น กันเอง พร้อมต้อนรับทุกคนอยู่เสมอ
เหตุผลและคุณภาพ สองสิ่งที่ทุกจานขาดไม่ได้
คิดว่าการทำร้านอาหารสักร้าน เจ้าของต้องลงมือทำอะไรเองบ้าง?
เลือกเมล็ดกาแฟ เสาะหาชามัทฉะจากญี่ปุ่น ทดลองทำกรานิตาจากไวน์ในตู้ที่บ้าน เลือกแก้วที่มีความหนาเฉพาะเหมาะกับเครื่องดื่ม ลงเรียนทำขนมที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ลองขายกาแฟให้คนในหมู่บ้าน หรือช่วยดูแลร้านทั้งวันจนตัวเองไม่มีเวลาทานข้าว
คำตอบคือทั้งหมด และยังมีอีกหลายรายละเอียดยิบย่อยที่อธิบายไม่หมดในหนึ่งย่อหน้า
เพราะความตั้งใจหลักของร้านคืออยากให้ทุกคนได้ทานอาหารคุณภาพ เธอจึงต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดจริงๆ
อาหารและเครื่องดื่มทุกอย่างที่ ‘มีรส’ จึงอัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบคุณภาพ เนื้อเกรดพรีเมียมจากออสเตรเลีย กาแฟอิตาเลียนแท้ๆ ส่วนผสมที่คำนึงถึงสุขภาพลูกค้าเป็นอันดับแรก ใช้เนยแท้และครีมอย่างดีจากฝรั่งเศส ไม่มีการใช้ครีมเทียมหรือนมข้นต่างๆ ทำให้ทุกเมนูปลอดภัยไร้ทรานส์แฟต
สำหรับคอกาแฟคนไหนที่มีโอกาสไปที่ร้าน ไม่ต้องเสียเวลาหาเมนูกาแฟปั่น เพราะที่นี่ไม่ทำ!
การปั่นกาแฟ (รวมถึงชา) นับเป็นการทำลายรสชาติที่อุตส่าห์หามา ทางร้านจึงเลือกทำแต่เมนูที่คงรสชาติดั้งเดิมของเครื่องดื่มแต่ละชนิดให้ได้มากที่สุด และการคงความดั้งเดิมนี้เอง ทำให้หลายคนแปลกใจกับลาเต้ที่เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงแบบต้นฉบับ
ใส่ใจทั้งผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
หากคุณเป็นเจ้าของร้าน คุณกล้าปฏิเสธลูกค้าที่ซื้อชาเขียววันละ 10 แก้วไหม?
แต่คุณหน่อยตัดสินใจไม่ขายอย่างเด็ดขาด หลังจากรู้ว่าลูกค้าคนหนึ่งชื่นชอบชาเขียวเธอมากถึงขนาดดื่มแทนข้าววันละ 10 แก้ว และขอให้ใส่แก้วพลาสติกทุกครั้ง แม้ว่าเธอจะหาซื้อขวดแก้วมาให้เพื่อลูกค้าคนนี้โดยเฉพาะ และนี่คือความห่วงใยโดยไม่หวังผลกำไรของเธอ
แม้จะมีปัญหาเข้ามาเรื่อยๆ เธอก็พยายามปรับตัวอยู่เสมอ อย่างแก้วน้ำที่ตอนแรกเธอเสิร์ฟแบบยกดื่ม ก็มีลูกค้าหลายคนบ่นว่าไม่สะดวก จึงทำให้ต้องอะลุ่มอล่วยมาเป็นแก้วพลาสติกกับหลอดกระดาษสำหรับเครื่องดื่มเย็นแทน
จากความชอบส่วนตัว สู่ความสุขของทุกครอบครัว
สีน้ำเงิน สไตล์ฝรั่งเศส ชายี่ห้อโปรด ไวน์ที่มีติดบ้านไว้เสมอ และอีกหลายความชอบเล็กๆ น้อยๆ ได้พาเธอมาสู่ร้านอาหารที่ใหญ่เกินความคาดหมาย
ที่นี่เน้นอาหารจานเดียว ทานง่าย รสชาติไม่จัดจ้านมาก แล้วก็ดูเหมือนจะทานง่ายจริงๆ เพราะหลังจากเปิดร้านมาได้เพียงเดือนครึ่ง งานก็ยุ่งมากโดยเฉพาะวันหยุด เธอเล่าให้ฟังว่าพอมีร้านแล้วชีวิตเปลี่ยนไปมาก โหมงานหนักจนเหนื่อยและง่วงตลอดเวลา แต่ก็มีความสุขที่ได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าทุกคน
เธอบอกว่าทุกวันนี้ตั้งใจบริหารไปเรื่อยๆ แบบพอเพียง ยังไม่ได้คิดถึงขั้นขยายสาขา เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาการเพิ่มจำนวนสาขาก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป
แค่ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดี และดียิ่งๆ ขึ้น เพื่อให้ร้าน ‘มีรส’ เป็นที่ที่ทุกคนอยากมาใช้เวลาบนโต๊ะอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว.
ร้าน MEROS Coffee & Eatery
ที่ตั้ง: 200 พระรามที่ 2 ซอย 33 แขวง บางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร 10150
เปิด: ทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ (หยุดทุกวันอังคาร)
เบอร์โทร: 084-146-1111
Facebook: https://www.facebook.com/meroscafe/
แผนที่: