“แม้เพียงครั้งเดียว อาจดีกว่าการเห็นผ่านเรื่องเล่าของคนอื่นหลายเท่า”
– Better to see something once
than hear about it a thousand times –
1.
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เราเป็นเพียงนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยศิลปะคนหนึ่งที่ยังไม่มั่นใจในทางเดินของตัวเอง
ภายนอกเราถูกเคลือบไปด้วยบุคลิกที่ดูเข้าถึงได้และใจเย็น แต่ภายในของเรามักจะเคลื่อนไหวและมีความไม่แน่นอนตลอดเวลา
การเรียนศิลปะทำให้เราเถียงไม่ได้ว่ามันสร้างอัตตาให้เราอยู่ไม่น้อย รวมทั้งความจำเป็นที่ต้องวิจารณ์งานผู้อื่นตลอดเวลา จึงถูกสั่งสมกลายเป็นนิสัยชอบตัดสินอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากเรียนจบไม่กี่เดือน เราหอบหิ้วความหวังและความฝันพร้อมกับเงินเก็บก้อนหนึ่ง ตัดสินใจบินข้ามฟ้าข้ามทะเลไปไกลกว่าหมื่นไมล์สู่ประเทศไอซ์แลนด์ ด้วยความหวังเพียงว่าการเดินทางไกลครั้งนี้จะมอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งกลับมาให้ตัวเอง
ในเวลานั้นเรามีเพียงกล้องถ่ายภาพ และเลนส์สองตัว ที่จะสามารถเชื่อมเราและผู้คนที่พบเจอไว้ด้วยกัน เราคิดว่าจุดเริ่มต้นทุกอย่างเกิดขึ้นจากการเดินทางครั้งนั้น ภาพที่ถ่ายผ่านกล้องตัวเล็กบรรจุด้วยรอยยิ้มผู้คน สถานที่ ความทรงจำ
เราเก็บภาพทุกอย่างมากมาย ราวกับกลัวว่าเราอาจจะลืมมันไปในวันหนึ่ง
2.
เวลาแห่งความสุขมักเดินเร็วเสมอ เวลาที่ได้เที่ยวก็เช่นกัน
เมื่อช่วงเวลาอันแสนสวยงามจบลง เราตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่า สิ่งที่เราอยากเป็นคือ ‘นักเดินทางที่เล่าเรื่องผ่านภาพถ่าย’ เพราะประสบการณ์ที่ได้รับกลับมา มันช่างรู้สึกคุ้มค่ากับการลงทุน และไม่มีอะไรจะมาทดแทนได้
การเดินทางไปหลายเมือง หลายประเทศ พบปะผู้คนใหม่ๆ บางครั้งก็ก่อตัวขึ้นเป็นความสัมพันธ์ เรื่องราวมากมายถูกส่งต่อมาถึงเรา คนเหล่านี้จึงเปรียบคล้ายกับนักประพันธ์ ที่มีพื้นภูมิหลัง และเรื่องเล่าแตกต่างกันออกไป
การเดินทางของเราหลายครั้ง จึงงดงามราวบทกวีที่ถูกเขียนโดยนักเขียนผู้มีประสบการณ์แสนลึกซึ้งและแตกต่างกัน จนเกิดเป็นความพึงใจที่เราเองก็ไม่คาดคิด
เหมือนเมื่อครั้งที่เรามีโอกาสได้เดินไปพบผู้คนบนเทือกเขาหิมาลายัน พวกเขามีรอยยิ้มที่สวยงามและเต็มไปด้วยเสน่ห์ ใจเย็น พูดคุยด้วยเสียงที่เป็นมิตร แม้ข้างบนนั้นจะมีสภาพอากาศที่เหน็บหนาวราวกับไม่ใช่โลกมนุษย์ ความกดอากาศที่แค่หายใจยังติดขัด ทำให้เราอดคิดถึงการใช้ชีวิตบนเทือกเขาอันแสนลำบากของพวกเขาไม่ได้
ทำไมเขาถึงโอบรับความทรมานเหล่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม?
แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาได้รับอากาศที่แสนบริสุทธิ์ และอยู่ใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธ์ที่เปรียบเสมือนต้นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก แต่นี่คือทางเลือกที่พวกเขาเลือกเดิน เมื่อได้รู้เช่นนั้นเราจึงทิ้งไม้บรรทัดแห่งความคิดอันเก่าของเราไป ไม้บรรทัดที่ตัดสินใจด้วยประสบการณ์อันแสนโง่เขลา ไม้บรรทัดที่ชอบตัดสินใจทุกอย่างด้วยอัตตาของตัวเอง
บางครั้งความสุขของเราไม่ใช่ความสุขของผู้อื่น ความทุกข์ในแบบเราก็เช่นกัน
3.
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลายครั้งเราถึงชอบเดินทางคนเดียว
เพราะมันเปิดโอกาสให้เราได้พบกับเพื่อนใหม่ ดังที่ วิลเลียม บัทเลอร์ บอกกับพวกเราไว้ว่า
“ที่นี่ไม่มีหรอก คนแปลกหน้า มีก็แต่เพื่อนที่คุณยังไม่เคยเจอเท่านั้นเอง”
– There are no strangers here; Only friends you haven’t yet met. –
ตลอดสามปีที่ผ่านมาที่เราตัดสินใจก้าวเท้าเพื่อออกเดินทาง เราได้พบเรื่องราวอันแสนหอมหวานหลายครา และหลายเรื่องยังคงตราตรึงราวกับพึ่งเกิดขึ้น
เราใช้ภาพถ่ายเป็นตัวจดบันทึก เพื่อช่วยย้ำเตือนในวันที่ภาพในความทรงจำเริ่มจืดจางลง ว่ากาลครั้งหนึ่งเคยเกิดเรื่องราวใดในชีวิตเราบ้าง
“ชายวัย 92 ปี ณ ประเทศอินเดียที่เชื้อเชิญเราเข้าไปในบ้าน เพื่อเล่าเรื่องราวที่แสนเศร้าเกี่ยวกับภรรยาและชีวิตทหารของอินเดียให้เราฟัง”
“หนุ่มวัยกลางคนหน้าตาใจดี ที่นั่งอยู่ด้านหลังเบาะรถไฟขบวนระหว่างไทเป-ฮั่วเหลียน สร้างบทสนทนาแสนน่าจดจำพร้อมแนะนำสถานที่ที่ดีที่สุดในไต้หวันและรอยยิ้มอันอบอุ่นก่อนจากลา”
“หนุ่มชาวยิวที่นั่งข้างเราในรถบัส มุ่งหน้าไปเวียนนา เปิดใจเล่ามุมหนึ่งของชีวิตว่า บ้านของเขาที่อิสราเอลถูกวางระเบิดตั้งแต่อายุสามขวบและเขามาที่นี่ เพื่อใช้ชีวิตเป็นนักเขียนบทกวีข้างแม่น้ำเทมส์ ที่เรียนรู้ชีวิตจากเรื่องเล่าของผู้อื่น เขายื่นกระดาษใบเล็กๆ ให้เรา บรรจุข้อความที่กล่าวถึงการหาความสมดุลให้กับชีวิตและโลกใบนี้”
“หญิงสาวแปลกหน้า ณ กรุงเบอร์ลินที่อาสาพาเราขึ้นรถไฟไปส่งยังที่พัก และเล่าเกี่ยวกับ Berlin Wall ให้เราฟังจนเกือบเช้า”
“และที่ประทับใจที่สุดคงจะเป็นคุณลุงชาวลัทเวีย ผู้มอบเหรียญโชคดีให้เรากลางสถานีรถไฟ และบอกว่าเราจะโชคดีตลอดไป”
หากเราไม่ได้ตัดสินใจเริ่มออกเดินทาง มันคงยากที่จะพบเจอกับสิ่งเหล่านี้
การเดินทางทำให้เราได้ค้นพบ การเดินทางทำให้ปัจจุบันเราไม่กล้าที่พูดว่าสิ่งใดผิดหรือถูก เพราะยิ่งเมื่อเราเห็นมาก เราย่อมเข้าใจว่าแต่ละสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเหตุและผลของมัน และเมื่อตัวเรามีแง่มุมเหตุผล มีหลายบรรทัดฐาน ทำให้เราไม่ตัดสินผู้อื่นอย่างง่ายดายอีกต่อไป
4.
“เพราะมนุษย์ต่างเติบโตด้วยเรื่องราวในชีวิต ไม่ใช่เลขอายุ” – เพื่อนของเรากล่าวไว้แบบนั้น
3 ปีกับ 25 ประเทศ ทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวลาที่ผ่านมามีผลต่อคุณค่าของจิตใจ หากเงินที่เสียไป แลกมากับประสบการณ์และเรื่องราวที่ติดตัวเรา และเล่ามันได้อย่างไม่มีวันเบื่อ เราก็ยินดี
หากใครอ่านบทความมาถึงตรงนี้ แล้วจะมีแรงฮึดอยากเริ่มออกเดินทาง
เราอยากจะบอกว่า ทุกครั้งที่จะก้าวเท้า อย่าลืมที่จะทำลายกำแพงในใจ เพราะบนโลกนี้มีหลายสิ่งให้เราได้ค้นพบ และพร้อมที่จะหลอมรวมตัวเราเข้าไว้ด้วยกัน อย่าลืมลองอาหารที่เจ้าบ้านเชื้อเชิญให้ทาน อย่าดูแคลนเสื้อผ้าพื้นเมืองที่ผู้คนสวมใส่ อย่ากลัวศาสนาที่พวกเขานับถือ และอย่าหลีกเลี่ยงวัฒนธรรมที่เราต้องพบเจอ
เปิดใจ แล้วเราจะรับรู้ถึงความสวยงามของสิ่งต่างๆ และเพื่อนร่วมโลกที่ล้วนต่างไปจากเรา.