pe©ple

“การทำอาหาร” ไม่เคยอยู่ในความคิดเลยว่าจะกลายมาเป็นอาชีพของผมได้

ผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่โตมาท่ามกลางยุคอุตสาหกรรมขยายตัว อาชีพที่รู้จักจึงมีแค่เพียงหยิบมือและไม่แน่ใจเสียด้วยว่า ไอ้ที่เราเลือกเรียนไปนี่มันสนุกยังไง เรียนจบแล้วจะไปทำอะไร

ผมเรียนจบวิศวะมาครับ

ใช่ครับ เป็นอาชีพที่ไม่ควรจะผันตัวเองมาทำอาหารได้เลย ทำงานวิศวะน่าจะมั่นคงและหาเงินได้มากกว่า แต่ละคนคงจะมีความคาดหวังในการประกอบอาชีพที่แตกต่างกัน

บางคนต้องการทำงานในองค์กรใหญ่ๆ บางคนต้องการผลตอบแทนทางการเงินเยอะๆ และบางคนอาจจะต้องการแค่ความสุข…ที่ได้ทำสิ่งที่ชอบทุกวัน

กว่าผมจะเดินทางเข้าสู่เส้นทางการทำอาหารเป็นอาชีพก็เลยช่วงวัยรุ่นเสียแล้ว

การกลับไปเข้าโรงเรียนทำอาหารในวัยเกือบ 30 ปีที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องยาก สำหรับผมถือเป็นโอกาสและช่วงเวลาที่ดีของชีวิต

เพราะวัยนี้คือวัยที่เราผ่านโลกมาพอสมควร ไม่มีใครมาบังคับให้เราต้องเลือกหรือเรียนอะไรเหมือนวัยมัธยมหรือมหาวิทยาลัย

แต่เรา “เ ลื อ ก” ที่จะเรียนในสิ่งที่เราคิดว่าเราชอบและจะเป็นประโยชน์กับตัวเองจริงๆ

แน่นอน ผมลงมือทำมันอย่างไม่รีรอ

ผมสนุกกับการเรียนทำอาหารมาก ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ มีความกระตือรือร้นในบทเรียนใหม่ๆ

และไม่อยากขาดเรียนแม้แต่วันเดียว

ความจริงแล้ว การทำอาหารกับผมไม่ได้พึ่งมาเจอกันตอนที่ผมไปเรียนทำอาหารตอนอายุเกือบสามสิบ แต่เป็นประสบการณ์และความทรงจำที่อยู่กับผมมาตั้งแต่ยังเด็ก

ผมเติบโตในครอบครัวที่โอบล้อมด้วยบรรยากาศของอาหาร จำความได้ว่าแม่เป็นนักเขียนทำสำนักพิมพ์ตำราอาหาร คุณยายทำอาหารอร่อยมาก และมีพ่อที่คอยบอกลูกๆ ทุกคนเป็นกฏเหล็กเสมอว่า “เราต้องกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา” ฉะนั้น พาข้าว’ (ภาษาอีสาน: รวมวงกันรับประทานอาหาร) จึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับครอบครัวเรา

ผมยังจำได้อีกว่า ในวัยนั้นผมชอบเข้าไปป้วนเปี้ยนในครัวเสมอ ขอเจียวไข่บ้าง ขอทำข้าวผัดบ้าง ตามแต่โอกาสจะอำนวย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นลูกมืออะไร เนื่องจากแม่ทำสำนักพิมพ์อาหาร บ้านเราจึงมีอาหารแปลกๆ มาให้ลองเสมอ เป็นอาหารท้องถิ่นของไทยบ้าง เป็นวัตถุดิบแปลกๆ บ้าง

การเปิดโอกาสให้ปากและท้องได้เรียนรู้วัฒนธรรมอาหารผ่านการกินอาหารที่ไม่คุ้นชินจึงเป็นกิจกรรมที่พวกเราลูกๆ คุ้นเคยเป็นอย่างดี 

นอกจากนี้เวลาไปเที่ยวไหนกันทั้งครอบครัว หมุดหมายที่ไม่เคยพลาดก็คือตลาด ยิ่งเป็นตลาดสด พ่อแม่ยิ่งชอบ ทำให้ลูกๆ อย่างผมติดนิสัยนี้ไปด้วย การได้ไปเดินดูตลาดสดสร้างความตื่นตาตื่นใจ ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในสถานที่นั้นๆ ได้เห็นอาหารท้องถิ่นที่ไม่เคยเห็น ได้กินของอร่อยใหม่ๆ

และคงเป็นเพราะการเดินตลาดนี้เอง ที่ทำให้ทุกวันนี้ผมชอบที่จะเดินไปกินไปมากกว่านั่งกินในร้านอาหาร

นับจากวันที่ตัดสินใจพาชีวิตตัวเองเข้าเรียนทำอาหารถึงวันนี้ก็สิบปีพอดี

สิบปีที่อยู่กับอาหารแบบเต็มเวลานั้น ผมได้เรียนรู้ว่าการทำอาหาร (Cooking) นอกจากจะเป็น Survival Skill ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ที่ผมเชื่อว่าถ้าคนอับจนหนทางแล้ว เขาต้องทำอาหารกินเองได้อย่างแน่นอน การทำอาหารยังเป็น Social Skill ในการสร้างความสัมพันธ์

ครอบครัวที่ผูกพัน อบอุ่น กลมเกลียว จึงมักจะมีโต๊ะอาหารเป็นศูนย์กลาง บ้านไหนไม่มีพาข้าว บ้านนั้นมักจะไม่มีหลักยึด ต่างคนต่างใช้ชีวิต ไม่ค่อยเกิดสายใยแห่งความผูกพัน

ส่วนบ้านไหนที่มีพ่อหรือแม่ทำกับข้าวกินในบ้าน จะเกิดความทรงจำของรสมือที่มีเฉพาะบ้านเราเท่านั้น

เหมือนกับผมเวลากินน้ำพริกกะปิที่ไหน ก็จะนึกเปรียบว่าไม่เหมือนกับฝีมือแม่ ทำให้คิดถึงน้ำพริกกะปิที่แม่ทำและหวนกลับมาเจอกัน เพราะอาหารเป็นสายใยอยู่บ่อยๆ

สิ่งต่างๆ ที่ผมทำในวันนี้ ไม่ว่าคลิปหรือหนังสือสอนทำอาหาร ผมตั้งใจอยากเห็นคนรุ่นใหม่ทำอาหารเป็น และใช้อาหารเป็นเครื่องมือในการสร้างครอบครัวของตัวเอง

เพราผมเชื่อว่าไม่มีอาหารที่ไหนดีเท่าอาหารที่บ้าน เพราะเราจะทำมันอย่างตั้งใจ เพื่อให้คนที่รักได้กินของอร่อย มีประโยชน์ บำรุงโน้นนี่นั่น ที่ปรุงด้วยหัวใจที่ไม่มีเชฟที่ไหนปรุงให้เราได้

แถมอาหารที่ทำกินเองยังหมายถึงสุขภาพที่ดีกว่า เพราะเราจะเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ต่างจากร้านอาหารที่ต้องคำนึงถึงต้นทุนและผลกำไร จนบางร้านยินยอมใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ เพื่อลดต้นทุนจากของเน่าเสีย

เรื่องที่เล่ามาทั้งหมด อาจดูคล้ายอัตชีวประวัติสั้นๆ จากความทรงจำที่เชื่อมร้อยเป็นตัวผมในวันนี้

น่าน หงษ์วิวัฒน์ ที่ยังคงเรียนรู้และสนุกกับการทำอาหารทุกวัน การทำคอนเท้นต์เกี่ยวกับอาหารเป็นความสุข ผมทำอาหารแทบจะทุกวัน ทำให้ครอบครัวกินบ้าง ทำอาหารถ่ายคลิปวิดีโอบ้าง ทำอาหารเพื่อจะเขียนบทความบ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ว่าจะทำอาหารเพื่ออะไร คือการได้เห็นคนกิน…อร่อย มีความสุขที่ได้กินอาหารของเรา

เวลาว่าง อาหารก็ยังเป็นการพักผ่อน ผมชอบที่จะใช้เวลาว่างอ่านและดูคอนเทนท์เกี่ยวกับอาหาร เวลาไปเที่ยวไหนไม่ว่าต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ จะเลือกลองกินอาหารท้องถิ่นและเดินตลาดเสมอ เชื่อมั้ยครับว่าหลังจากที่ได้ลิ้มลองอาหารหลายหลากชาติในโลกนี้มาแล้ว…

ผมรักอาหารไทยที่สุด

อาหารไทยเป็นอาหารที่ครบรส หลากหลายสัมผัส สีสันสวยงาม กินยังไงก็ไม่เบื่อ และอาหารที่ผมจะคิดถึงเสมอคือ ต้มเนื้อน่องลาย ฝีมือคุณยายผมเอง

สุดท้าย “การทำอาหาร” ที่ไม่เคยอยู่ในความคิด ก็กลายมาเป็นอาชีพ ชีวิต และสิ่งที่ผมอยากแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ เพื่อใช้มันในการสร้างความสุขและความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

เหมือนที่อาหารเคยมอบให้กับผม ตลอดชีวิตที่ผ่านมา.