pe©ple

“ผมรู้ว่าบางครั้งผมก็พูดหรือโพสต์บางอย่างที่แปลกประหลาด แต่นั่นคือวิธีที่สมองของผมทำงาน” ค่ำคืนของวันที่ 8 พฤษภาคม 2021 อีลอน มัสก์ (Elon Musk) พูดในรายการโทรทัศน์ Saturday Night Live หรือในชื่อย่อ SNL ของช่อง NBC ที่มีลักษณะเป็นสเกตช์คอเมดีและวาไรตี้โชว์  

“สำหรับใครก็ตามที่ขุ่นเคืองใจ ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมคือคนปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า และผมกำลังส่งผู้คนไปดาวอังคารด้วยยานอวกาศ คุณคาดหวังว่าผมจะเป็นคนชิลๆ ธรรมดาสามัญหรือไงกัน”

Photo: Robyn BECK / AFP

อีลอน มัสก์ฉลาดล้ำ เขาเป็นเศรษฐี เป็นผู้สร้างนวัตกรรมมากมาย ได้ฉายาว่าเป็น โทนี่ สตาร์ก หรือ Iron Man ในโลกจริง เป็นคนที่จะพามนุษย์ไปท่องอวกาศในเชิงพาณิชย์ แถมยังคิดจะตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร

แม้เขาอาจไม่ใช่คนธรรมดา มัสก์ก็ยังมีความเป็นมนุษย์ที่จับต้องได้ เขาเคยดูดกัญชาออกสื่อ เขาตอบโต้ทวีตของความคิดเห็นที่เขาไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อนแบบไม่กลัวเสียภาพลักษณ์นักธุรกิจเบอร์ต้นของโลก

ทว่าภายใต้ความยิ่งใหญ่ และการเปิดเผยความเป็นมนุษย์ออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใคร อีลอน มัสก์กลับเคยทุกข์ทรมานกับการเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ (Asperger’s Disorder) หรือ แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม (Asperger’s Syndrome) ความบกพร่องของพัฒนาการในกลุ่มสเปกตรัมเดียวกับโรคออทิสติก (Autism Spectrum Disorder) ที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าสังคมได้ลำบาก จากปัญหาทางการสื่อสารที่แตกต่างออกไปจากคนส่วนใหญ่

“แต่นั่นคือวิธีที่สมองของผมทำงาน” อีลอน มัสก์กล่าว

ในรายการ Saturday Night Live ที่ใครหลายคนกำลังรอคอย เพราะต่างเชื่อว่าคำพูดของเขาจะเปลี่ยนชีวิตของตนในโลกการลงทุน ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ (Cryptocurrency) ให้กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ อีลอน มัสก์ค่อยๆ พูด 

“จริงๆ แล้วในคืนนี้ผมกำลังสร้างประวัติศาสตร์ ในฐานะโฮสต์คนแรกของ SNL ที่ป่วยเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ หรืออย่างน้อยก็คนแรกที่ยอมรับมัน ดังนั้น ผมจะไม่สบตามากนักในคืนนี้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมค่อนข้างทำได้ดีกับโหมดจำลองการเป็นมนุษย์”

Photo: https://pbs.twimg.com/media/E00GWDMXsAA1BjP

หลังโชว์จบลง คริสตินา จิอันนันโตนิโอ (Cristina Giannantonio) และ แอมี เฮอร์เลย์-แฮนสัน (Amy Hurley-Hanson) สองนักวิชาการผู้เคยเป็นบรรณาธิการของวารสารธุรกิจและการจัดการแห่งมหาวิทยาลัยแชปแมนในฉบับพิเศษหัวข้อ ‘โรคออทิสติกในที่ทำงาน’ เมื่อปี 2016 แสดงความคิดเห็นว่า การเปิดเผยของมัสก์อาจเปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนต่อโรคออทิสติกในที่ทำงาน ขณะเดียวกันก็อาจช่วยเปลี่ยนแปลงการรับรู้เกี่ยวกับคนที่เป็นออทิสติก และประเภทของงานที่พวกเขาปรารถนาจะทำ

ทว่าอีกแง่หนึ่ง พฤติกรรมการสื่อสารผ่านทวิตเตอร์ของเขานั่นเอง ที่ทำให้หลายคนทั้งกุมขมับโกรธเกรี้ยว และชูมือโห่ร้องดีใจจากผลลัพธ์ของมันได้ในคราวเดียวกัน เมื่อทวีตสั้นๆ เพียงทวีตเดียวในแอคเคานต์ที่มีคนติดตามมากกว่า 53 ล้านคนของเศรษฐีอันดับสองของโลกผู้เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งผู้นี้ กลับมีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้โลกคริปโตเคอร์เรนซีผันผวน

Photo: NICHOLAS KAMM / AFP

ในโลกของการลงทุนคริปโตฯ—สกุลเงินชนิดใหม่ที่ถูกเข้ารหัสเพื่อใช้ในการป้องกัน และยืนยันธุรกรรมผ่านระบบที่เรียกว่า ‘บล็อกเชน’ (Blockchain) ซึ่งผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และหวังว่ามันจะพัฒนาเป็นอนาคตของโลกการเงินในระยะเวลาอันใกล้ มีสกุลเงินหลักๆ อยู่มากมาย เช่น พี่ใหญ่อย่าง Bitcion สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก หรือ Ethereum ที่มาแรงในระยะหลังๆ แถมยังมีเหรียญอื่นๆ ซึ่งก็ต่างมีโรดแมปและไวต์เปเปอร์แสดงแนวทางการเติบโตของสกุลเงินชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน 

แต่ในช่วงต้นปีถึงกลางปีมานี้ มันกลับมีสกุลเงินหนึ่งที่ดูเผินๆ แล้วไร้ความมั่นคง ไม่มีโรดแมปหรือไวต์เปอเปอร์ใดๆ ทว่าผู้คนกลับกระโจนเข้าไปลงทุนกับมัน เพียงเพราะว่าอีลอน มัสก์ทวีตถึงอยู่ครั้ง

สกุลเงินดิจิทัลที่ว่าคือ Dogecoin ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาขำๆ แถมยังใช้รูปมีมน้องหมาตัวหนึ่งมาเป็นโลโก้ โดยสองวิศวกรซอฟแวร์อย่าง บิลลี่ มาร์คัส (Billy Markus) และ แจคสัน พาลเมอร์ (Jackson Palmer) เมื่อปี 2013

“Dogecoin คือคริปโตฯ ของผู้คน” มัสก์ทวีตสั้นๆ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ุ 2021 และส่งผลให้ Dogecoin ทะยานสูงถึง 75% ในระยะเวลาอันสั้น ตีเป็นตัวเลขคร่าวๆ ก็คงประมาณว่า หากคุณลงทุนไป 100,000 บาท ก่อนที่เขาจะทวีต และเทขายหลังจากที่ราคา Dogecoin ขึ้นมาแล้ว 75% คุณจะได้เงินกลับมามากถึง 175,000 บาท หรือได้กำไรมากถึง 75,000 บาทเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับจากจุดเริ่มต้นในรอบ 6 ปี ที่มีตัวเลขสรุปออกมาว่า ทวีตของมัสก์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ทำให้สุกลเงินดิจิทัลชนิดนี้พุ่งสูงถึง 6,000% นั่นความหมายว่า ถ้าคุณลงทุนในเหรียญชนิดนี้มาตั้งแต่ปี 2015 ที่ต้นทุน 100,000 บาท ตอนนี้คุณจะมีเงินอยู่ในกำมือราวๆ 6.1 ล้านบาทเลยทีเดียว

แน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การขยับตัวของอีลอน มัสก์ในแต่ละครั้งนั้นส่งผลต่อมูลค่าทางการตลาดได้อย่างมหาศาลจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังไปออกรายการ Saturday Night Live ที่ผู้คนต่างเก็งกำไรและคาดหวังว่าเขาจะต้องพูดถึง Dogecoin แต่เขากลับไม่ได้เอ่ยถึงมันแม้แต่น้อย จึงทำให้มูลค่าของ Dogecoin ร่วงกราวลงอย่างรวดเร็วถึง 23% เรียกว่าใครขายรถขายบ้านมาซื้อเก็งกำไรไว้ล่วงหน้าคงได้กลายเป็นยาจกในชั่วพริบตา

ที่สำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การทวีตของมัสก์ ไล่มาตั้งแต่ที่เขาบอกว่า Bitcoin ทำลายสิ่งแวดล้อม และเขาจะหยุดรับเงิน Bitcoin ในการขายรถยนต์ Tesla ของตน ก็ทำให้ Bitcoin ซึ่งเป็นตัวหลักในกระดานซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีร่วงกระหน่ำอย่างหนักชนิดพลัดตกจากหน้าผา ยังไม่นับการย้ำหลายครั้งหลายคราว่า แท้จริงแล้ว Bitcion คือระบบการเงินแบบรวมศูนย์ (Centralized Monetary System) ไม่ใช่ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Monetary System) อย่างที่ผู้คนเชื่อ หรือแม้กระทั่งการตอบโต้ทวีตหนึ่งที่ด่าว่าเขาเป็น เกรียน หรือ Troll ที่ชอบปั่นราคาในโลกคริปโตฯ อย่างแสบสันต์ว่า “ทวีตน่าขยะแขยงแบบนี้ทำให้ผมอยากทุ่มให้ Dogecoin เพียงอย่างเดียวเสียจริงๆ”

ภาพลักษณ์ตัวร้ายของอีลอน มัสก์ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์หลายคนเบื่อหน่าย มิคาเอล ฟาน เดอ โป๊ปป์ (Michaël van de Poppe) นักเทรดและนักวิเคราะห์ชื่อดังผู้มีผู้ติดตามในทวิตเตอร์ราว 3 แสนคน ถึงกับหัวเสียและบอกว่า “มันน่าเศร้าจริงๆ ที่ตลาดเคลื่อนไหวได้จากแค่ทวีตของคนคนเดียว”

อาจน่าเศร้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าอิทธิพลของชายที่ปัจจุบันจะมีอายุ 50 ปีในปลายเดือนมิถุนายนนี้เป็นของจริง เขาสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองชนิดรายชั่วโมง และคงมีเรื่องราวที่รอจะถูกบันทึกเป็นหนังสือชีวประวัติได้เป็นสิบๆ เล่ม ส่วนใครยังไม่คุ้นว่าอีลอน มัสก์คือใคร โด่งดังและมีอิทธิพลเช่นนี้ได้อย่างไร ด้านล่างนี้คือสรุปประวัติชีวิตและผลงานของเขาคร่าวๆ

  • อีลอน มัสก์ เกิดวันที่ 27 มิถุนายน 1971 ในเมืองพริทอเรีย ประเทศอเมริกาใต้ อายุได้ 10 ปีเขาสอนตัวเองเขียนโปรแกรม และพออายุ 12 เขาก็ขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์แรกของตัวเองในรูปแบบเกมชื่อ Blastar
  • เหมือนอัจฉริยะหลายคน ในโรงเรียนเขาถูกแกล้งบ่อยครั้ง เป็นอินโทรเวิร์ต เป็นหนอนหนังสือ ก่อนจะเรียนรู้การป้องกันตัวเองด้วยการเรียนคาราเต้ และมวยปล้ำ
  • อายุ 17 ปี เขาย้ายมาเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่แคนนาดาเพื่อหนีการเกณฑ์ทหาร ก่อนจะย้ายมาสหรัฐฯ ในปี 1992
  • ปี 1995 เขาสร้างบริษัทจัดหาข้อมูลออนไลน์ให้สื่อชื่อ Zip2 ก่อนมันจะถูกซื้อโดยบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง Compaq ในปี 1999 ด้วยราคามากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้มัสก์กลายเป็นเศรษฐีในวัยเพียง 28 ปี
  • ปี 2000 เขาควบรวมบริษัทด้านธนาคารออนไลน์ของตัวเองที่ชื่อ X.com ซึ่งก่อตั้งในปี 1999 กับ Confinity และใช้ชื่อใหม่ที่ปัจจุบันผู้คนทั่วโลกน่าจะคุ้นหูกันดีอย่าง PayPal ก่อนมันจะถูกขายต่อให้ eBay ในปี 2002 ที่ราคา 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ปี 2002 เขาช่วยระดมทุนให้บริษัทยานพาหนะไฟฟ้า Tesla ก่อนจะกลายมาเป็นผู้บริหาร แถมในปีเดียวกันนั้น เขายังได้เริ่มสร้างธุรกิจการขนส่งทางอวกาศ SpaceX ที่อีกไม่กี่ปีต่อมาเขาจะประกาศว่าจะพาผู้คนไปท่องอวกาศ และไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร
  • ปี 2006 เขาก่อตั้ง SolarCity บริษัทเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์
  • ปี 2015 เขาลงทุนในเรื่องปัญญาประดิษฐ์โดยการตั้ง OpenAI ขึ้น
  • ปี 2016 เขาตั้ง Neuralink ที่มีเป้าหมายผลิตอุปกรณ์เชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับปัญญาประดิษฐ์และคอมพิวเตอร์ และในปีเดียวกันยังได้ทำบริษัท The Boring Company เพื่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานทางด้านการขนส่ง อันมีที่มาจากความเบื่อหน่ายในเรื่องรถติดของเขาเอง

แค่มองจำนวนตัวเลขของมูลค่าในสิ่งที่เขาทำ และนวัตกรรมมากมายที่เขาสร้าง ก็คงพอเป็นคำตอบได้ว่า เหตุใดเมื่อเขายื่นมือเข้าไปยุ่งกับวงการการเงินดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี มันจึงเกิดการผันผวนได้มากมายถึงเพียงนี้

และด้วยอิทธิพลเช่นนี้นี่เอง ที่เราอาจมองได้ว่าเขามีพลังเหนือมนุษย์ที่จะควบคุมกลไกของตลาดอย่างไรก็ได้ แถมพลังชนิดนี้ก็ดูเหมือนจะมีอำนาจทำลายล้างได้มากกว่าการเป็น Iron Man ในภาพยนตร์ หรือการ์ตูนเสียอีก

Photo: https://ichef.bbci.co.uk/news/976/cpsprodpb/7727/production/_103330503_musk3.jpg

หลายคนกำลังแค้นเคืองที่คนเพียงคนเดียวสามารถชักใยความเคลื่อนไหวของตลาด บ้างก็ว่าเขาน่าจะไปดาวอังคารให้พ้นๆ แล้วไปสร้างสกุลเงินของตัวเองซะ

แต่ก็อย่างที่เรามักได้ยินกันสม่ำเสมอนั่นแหละว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง และความเสี่ยงที่แปรผันตามความไม่แน่ไม่นอนของอัจฉริยะเพียงคนเดียวยิ่งต้องพึงระวัง

“ผมรู้ว่าบางครั้งผมก็พูดหรือโพสต์บางอย่างที่แปลกประหลาด แต่นั่นคือวิธีที่สมองของผมทำงาน” อีลอน มัสก์ บอกคนดูผ่านรายการ Saturday Night Live

“สำหรับใครก็ตามที่ขุ่นเคืองใจ ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมเป็นคนปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้า และผมกำลังส่งผู้คนไปดาวอังคารด้วยยานอวกาศ คุณคาดหวังว่าผมจะเป็นคนชิลๆ ธรรมดาสามัญหรือไงกัน”

 

อ้างอิง