life

ผมเห็น Toyota Supra ครั้งแรกในหนัง The Fast and the Furious ปี 2001 หลังจากนั้นรถคันนี้ก็กลายเป็นรถในฝันของผมทันที

ท็อปจิตติพงษ์ โพธิ์โชติ ประธานกลุ่ม Supra Club Thailand เล่าให้ฟังถึงโมเมนต์รักแรกพบระหว่างเขากับ Toyota Supra

หลังจบการดูหนังครั้งนั้น เขาค้นหาทันที ว่ารถหน้าตาแปลก แต่เท่กระแทกใจคันนี้ คือรถอะไร

ด้วยโลโก้ “โตโยต้า” ที่แปะอยู่บนตัวรถ การค้นหาจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาทึ่งคือ ทำไมรถญี่ปุ่นคันนี้ถึงสามารถวิ่งกับซูเปอร์คาร์ได้อย่างไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่อาจจะเกิดไม่ทัน Toyota Supra คือตำนานรถสปอร์ตจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีสมรรถนะและมอบประสบการณ์ขับขี่ราวกับรถแข่งในสนาม

Supra เริ่มผลิตรุ่นแรกเมื่อปี 1978 และหยุดการผลิตในปี 2002 รวมระยะเวลากว่า 17 ปีที่รถคนนี้หายไปจากตลาดรถยนต์

แต่ในแวดวงคนเล่นรถสปอร์ตต่างรู้ดีว่า Supra ไม่เคยหายไปไหน ยังคงมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันตลอด และที่น่าแปลกคือ Supra กลายเป็นรถมือสองที่ราคาแทบไม่ตกเลย

Supra รถในฝันแห่งยุค 90

“ผมได้คันนี้มาครอบครองเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ณ ตอนนั้นค่าตัวเค้าสูงมาก เป็นรถมือสองที่ราคาเกิน 2 ล้าน ผมต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจะได้มา”

ท็อปเล่าให้ฟังว่า ในยุคสมัยที่เขายังเป็นวัยรุ่น Supra คือรถสปอร์ตที่หลายคนใฝ่ฝัน ว่าจะมีโอกาสเป็นเจ้าของในวันใดวันหนึ่ง รวมทั้งตัวเขาด้วย

“สมัยก่อนตอนยังไม่ได้เป็นเจ้าของ พอเลิกเรียนผมจะต้องขับรถไปอู่แห่งหนึ่ง ที่เขาทำ Supra โดยเฉพาะ แค่ขับผ่านเพื่อให้ได้เห็นก่อนกลับบ้าน แค่นั้นก็มีความสุขแล้วครับ และถ้าผมเจอ Supra บนถนน ผมสามารถขับตามเค้าไป โดยที่ลืมไปเลย ว่าผมต้องไปที่ไหน ทุกครั้งที่เห็นจะตื่นเต้นเสมอ เหมือนเราเจอผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่งแล้วเราแอบชอบเขา”

ความคลั่งไคล้ของเขาที่มีต่อ Supra มากมายจนถึงขั้นซื้ออุปกรณ์แต่งมารอ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้ ว่าจะได้รถ Supra ที่เขาหมายตาไว้มาครอบครองเมื่อไหร่

“คือมันเป็นรถในฝันน่ะครับ ก่อนคันนี้ ผมขับคันอื่นมาเยอะเหมือนกันนะ ขับได้ซักพักก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเรา สุดท้ายยังไงก็ต้อง Supra”

ทำไมต้อง Supra

“อย่างแรกเลยคือเครื่องยนต์ครับ Supra ออกแบบมาอย่างดี จากเครื่องยนต์มาตรฐานตัวเดิม 280 แรงม้า ที่เราสามารถขับได้ในชีวิตประจำวัน แต่เชื่อมั้ยครับว่า Supra สามารถรองรับการโมดิฟายได้เป็น 1,000 แรงม้า แล้วพอมันไปถึงจุดนั้น สิ่งที่ผมได้รับคือความตื่นเต้นทุกครั้งที่ขับ และความรู้สึกแบบนั้นมันยังเกิดขึ้นตลอดเวลาจนถึงวันนี้”

นอกจากเรื่องเครื่องยนต์ การออกแบบของตัวรถทั้งภายนอกและภายใน คือเอกลักษณ์พิเศษที่ทำให้ Supra เป็นที่ชื่นชอบของนักขับสายสปอร์ตมาโดยตลอด

“ที่พิเศษมากๆ เลยคือการออกแบบ cockpit ฝั่งคนขับให้เหมือนกับ cockpit ของรถแข่งและเครื่องบิน เวลาเรานั่งหลังพวงมาลัย จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่บนรถแข่งหรือเครื่องบินรบเลยครับ แล้วอุปกรณ์ทุกอย่างจะห้อมล้อมอยู่รอบตัวคนขับหมดเลย เราสามารถควบคุมได้ทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย มันทำให้ขับสนุก

“แต่ถ้าเป็นภายนอก ส่วนที่เด่นที่สุดสำหรับผมคือช่วงท้ายครับ Supra จะมีช่วงท้ายที่ใหญ่และโค้งมน ในขณะที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ในเวลานั้นจะมีช่วงท้ายที่เป็นทรงเหลี่ยม คือพูดง่ายๆ ถ้าเป็น Supra คุณเห็นแล้วไม่ต้องพิจารณานาน มองปุ๊บก็แทบจะรู้ได้ทันทีเลยครับ ว่านี่คือ Toyota Supra”

สำหรับ Supra ของท็อป เขาตั้งชื่อตามสีและสมรรถนะว่า น้องฟ้าสะท้านโลกีย์

รถคันนี้เป็นเพื่อนคู่ใจของเขามา 12 ปีแล้ว

ในวันที่ทั้งสองได้พบกัน “น้องฟ้าสะท้านโลกีย์” ของท็อปยังเป็นรถเดิมๆ ที่ไม่มีการโมดิฟาย เครื่องยนต์ N.A. (Naturally Aspried Engine) และบอดี้แบบ Targa Top หรือ “หลังคาทาร์ก้า” ที่สามารถเปิดได้ ตัวเดิมจากโรงงาน ที่ท็อปบอกว่าตอนนี้ต่อให้มีเงินก็อาจหาซื้อไม่ได้แล้ว

“ผมหลงรักคันนี้ โดยไม่มองคันอื่นเลยครับ”

แต่ด้วยราคาที่สูง กว่าเขาจะได้มาครอบครองก็ต้องรอจนที่บ้านอนุมัติ ท็อปจึงได้เป็นเจ้าของรถในฝันของตัวเอง

ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ท็อปบอกว่าสำหรับเขา Supra คันนี้คือชีวิตประจำวัน ที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนของเขาอย่างแยกไม่ออก

“ถ้าจะถามว่าเรามีอะไรเหมือนกัน ผมว่าเราน่าจะบ้าพลังเหมือนกัน (หัวเราะ) ผมเป็นคนชอบกิจกรรมอะไรที่ใช้แรงเยอะๆ ออกกำลังกายหนักๆ Supra ของผมคันนี้ก็พลังเหลือล้น ไม่แพ้ซูเปอร์คาร์ ผมโมดิฟายไป 1,000 แรงม้า ซึ่งรถรับได้สบายๆ”

ไม่ใช่ความ เก่าแต่เป็นความ เก๋า

ทุกวันนี้มีรถซูเปอร์คาร์และรถสปอร์ตใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย คำถามคือทำไมเขายังเลือกจะขับรถที่มีอายุอย่าง Supra อยู่

“ของเก่าแต่มันคือความเก๋าครับ รถอายุสิบกว่าปีแต่ยังสามารถวิ่งกับซูเปอร์คาร์ได้ โดยไม่ด้อยไปกว่าเค้าเลย ผมว่ามันไม่ธรรมดาเลยนะ อีกอย่างคือโตโยต้าเค้าออกแบบมาอย่างดี เอื้อให้โมดิฟายได้ตามแต่ใจฝัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือรูปลักษณ์โดยรวม ทุกครั้งที่ผมอยู่หลังพวงมาลัยรถคันนี้ ผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง”

ทุกวันนี้ท็อปยังขับ Supra ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ละครั้งเขาบอกว่าเจอกับสายตาคนรอบข้างที่มองมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งชอบและไม่ชอบบ้าง แต่ท็อปบอกว่าไม่เคยมีผลกับความรู้สึกของเขา เพราะเขารู้ดีว่ารถสปอร์ตสัญชาติยี่ปุ่นคันนี้ ไม่มีอะไรด้อยไปกว่ารถยุโรปเลย

“ผมมั่นใจนะว่าในบรรดา Japanese Sport Car จนถึงวันนี้ Toyota Supra ยังอยู่ในท็อป 10 ของรถที่เร็วที่สุดในโลก

“มันมีเหตุการณ์ประทับใจครั้งหนึ่ง ที่ผมเอาคันนี้ไปขับกับซูเปอร์คาร์ ตอนจบเขาขับมาเทียบรถผม แล้วยกนิ้วให้ แสดงการชื่นชม มันก็ภูมิใจนะ ที่รถระดับนั้นเขายอมรับรถของเรา ซึ่งเล็กกว่าเขามาก”

ขายคันไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คันนี้

ท็อปบอกว่า สำหรับเขา Supra เชื่อมโยงจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นพี่น้องและเพื่อนที่รู้ใจ ที่หากไม่มีรถคันนี้ เขาก็ไม่รู้จะไปขับคันไหน

“ไม่เว่อร์เลยนะ เราไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเค้า คือต่อให้คนมาขอซื้อผมวันนี้ 3-4 ล้าน ผมก็ไม่ขาย คือมันผูกพันจนเหมือนคนในครอบครัวครับ ขายคันไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คันนี้”

Supra กับท็อป ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่วันแรกที่เขาได้มาครอบครอง และนี่ก็เป็นอีกเหตุหลักที่ทำให้ท็อปไม่เคยคิดจะทิ้งรถคันนี้

“ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ เชื่อมั้ยว่าผมยอมอดค่าขนม ไม่กินข้าวนอกบ้านเลย และนั่งรถสาธารณะไปเรียน เพื่อนเก็บเงินมาแต่งรถ (หัวเราะ) หลายๆ คนที่เล่นรถสปอร์ต ผมเชื่อว่ามีอารมณ์นี้กันทุกคน

“คือถ้าเป็นลูก อายุ 12 ย่าง 13 ปีนี่ ก็ถือว่าโตมากแล้วนะ มีคนมาขอซื้อตลอด แต่ผมไม่ขายยอยู่แล้ว และคิดว่าคงจะขับจนขับไม่ไหว อย่างน้อยก็ 50-60 ปีมั้งครับ (หัวเราะ)”

ตำนานกลับมาแล้ว

หลังจากหลับใหลไปเกือบสองทศวรรษ ตำนานแห่งรถสปอร์ตจากแดนปลาดิบ ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง

Supra เผยโฉมให้โลกเห็นครั้งแรกในงาน North American International Auto Show 2019 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในชื่อ Toyota GR Supra ที่มาพร้อมรูปโฉมใหม่ ที่ยังคงโฉบเฉี่ยวและเท่โดนใจสายสปอร์ต ไม่แพ้ในอดีต

Toyota GR Supra ได้รับการพัฒนาโดยทีม Toyota Gazoo Racing (TGR) ซึ่งเป็นทีมพิเศษของโตโยต้าที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 เพื่อสร้างยนตรกรรมที่ไปไกลอีกขั้น ด้วยการเข้าแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต แล้วนำประสบการณ์จากสนามแข่งมาพัฒนาและออกแบบรถยนต์ออกสู่ตลาด

โดย Toyota GR Supra ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดง ที่คุณอากิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า การันตีด้วยตัวเองว่า Supra คันนี้ยอดเยี่ยมกว่าที่เคยเป็นมา

แน่นอนว่า แฟนพันธ์ุแท้อย่างท็อป คือหนึ่งในคนที่เฝ้ารอคอย และไม่พลาดที่จะทดลองขับหากมีโอกาส

“ถ้ามีโอกาส อยากได้ลองขับ Toyota GR Supra คันนี้ดูสักครั้งครับ

“สำหรับผม ยังไง Supra ก็เป็นรถที่น่าเก็บมาก เขาคือตำนานของโตโยต้ามาอย่างยาวนาน คุณจะเข้าใจเมื่อได้ลองขับครับ

ว่าทำไม Supra ถึงได้เป็นตำนาน ที่ไม่เคยหายไปเลย”

ทางโตโยต้า ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญ “The Chosen 5” เพื่อค้นหาผู้หลงใหลรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Supra เพียง 5 คน ที่จะเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ไปร่วมสัมผัสและทดลองขับ Toyota GR Supra ถึงประเทศญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคมนี้!

อ่านรายละเอียดกิจกรรมสุดมันส์นี้เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2LzEylz

และสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/toyotamotor.th