life

Boxed คือบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังของอเมริกา ที่เคยขึ้นแท่นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในปี 2016

เพราะได้ชื่อว่าเป็นบริษัทสายเปย์ ที่มีสวัสดิการดูแลพนักงานแบบดีเกินมาตรฐานทั่วไป

ไม่ว่า…

ส่งเสียบุตรพนักงานเรียนจนจบปริญญาตรี แบบไม่มีลิมิตค่าใช้จ่าย

มอบเงินช่วยจัดงานแต่งงานสูงสุด 20,000 เหรียญ

ลาคลอดได้อย่างไม่มีกำหนด

ฯลฯ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดของ ‘เช หวาง’ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Boxed.com ที่ให้ความสำคัญกับ ‘คน’ เป็นอันดับหนึ่ง

เขาเชื่อว่า การคัดเลือกและรักษาพนักงานชั้นดีไว้ได้ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างยอดขายได้กว่า 100 ล้านเหรียญ ภายในเวลาเพียง 3 ปี

เงินเดือนมาก สวัสดิการดี และบริษัทเติบโตแบบนี้ จึงไม่แปลก ที่ตลอด 6 ปี ของ Boxed เคยมีพนักงานลาออกเพียง 2 คน!

นอกจากจะไม่มีใครอยากออกแล้ว ก็มีแต่คนอยากเข้าไปทำงานที่ Boxed

แต่กว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน Boxed.com ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะหลังจากผ่านการคัดกรองประสบการณ์และความสามารถจากหัวหน้างานแล้ว ทุกคนต้องผ่านการทดสอบสุดท้ายกับ ‘เช หวาง’

ด้วยการตอบคำถามเพียง 3 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที แล้วเขาจะคัดคนที่ ‘ใช่’ มาร่วมงานกับ Boxed ได้ทันที    

ดูจะเป็นคำถามพื้นๆ ที่น่าจะตอบง่าย แต่ความจริงแล้วค่อนข้างยากทีเดียว เพราะผู้ถูกสัมภาษณ์จะคาดเดาไม่ถูกว่า ‘เช หวาง’ อยากฟังอะไร

เขาวัดอะไรจากคำถามนี้?

“คุณจะสามารถพาบทสนทนาไปต่อได้ไหม ในสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ถูก มันสะท้อนทักษะการสื่อสาร” ซึ่ง Boxed ให้ความสำคัญกับข้อนี้มาก เพราะมันเป็นตัวบอกได้เลยว่า คุณจะทำงานร่วมกับคนอื่นได้ไหม

นอกจากนี้ยังใช้วัดทัศนคติ ว่าคุณเป็นคนอยากรู้อยากเห็นและเปิดกว้างไหม เพราะนั่นคือสิ่งที่ Boxed มองหา

หลายๆ ครั้งผู้ถูกสัมภาษณ์จะเล่าถึงการเดินทางและอาหารที่เขาชอบ เช หวาง จะถามต่อด้วยคำถามที่ว่า “ตั้งแต่เดินทางมา ทริปไหนคือทริปที่แย่และดีที่สุดในชีวิตคุณ หรืออาหารจานไหน ตั้งแต่กินมาในชีวิต ที่คุณชอบและไม่ชอบที่สุด”

ซึ่งคำตอบนั้นชี้วัดได้เลย ว่าคุณเป็นคนเปิดกว้าง หรือแค่คนเข้มงวด ทำอะไรอย่างระแวดระวังแบบซ้ำๆ

คำถามนี้ไม่ตายตัว เช หวาง จะเปลี่ยนคำถามไปเรื่อยๆ แต่อยู่ในเงื่อนไขที่ว่า เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด แค่จะใช้วัดความคิดเห็นต่อประเด็นทางสังคม และทักษะการคิดวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น

“คุณคิดว่าประเทศไหนจะเป็นประเทศแรก ที่ทำให้การขับรถเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และคิดว่าจะเกิดขึ้นในปีไหน ?”

แน่นอนว่าอาจจะเป็นคำถามที่ยาก แต่อย่าลืมว่าไม่มีคำตอบถูกผิด

เขาต้องการให้ผู้ถูกสัมภาษณ์คิดอย่างถี่ถ้วน โดยไม่โพล่งคำตอบมาเร็วเกินไป

“คำตอบเดียวที่ถือว่าผิดสำหรับผมคือ เมื่อคุณประหม่าแล้วพูดออกมาว่า ‘ผมไม่รู้’ ”

จากประสบการณ์ เช หวาง มักจะพบคำตอบที่ดีจากคนระดับชนชั้นแรงงาน ที่คิดก่อนตอบ

“ผมเคยได้คำตอบประมาณว่า ‘ถ้ามันจะเป็นแบบที่คุณว่า รถทุกคันที่ขายคงต้องทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ ไร้คนขับ ไม่งั้นการที่คนขับรถจะกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายได้ยังไง’ เป็นคำตอบที่ผ่านการคิดลึกไปอีกขั้น”  

แบบนี้ สำหรับ Boxed คือผ่านฉลุย!

บริษัทที่ทำงานบนเทคโนโลยีอย่าง Boxed ไม่ได้ใช้คำถามนี้วัดความรู้ทางเทคโนโลยี

แต่ใช้เพื่อสกรีนคนที่มองตัวเองสูงเกินออกไป

“สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือ คนที่มาพร้อมอีโก้และมั่นใจในความฉลาดขั้นสุดของตัวเอง เพราะคนแบบนั้น สำหรับผม คือ ห่วยที่สุด”  

นั่นแปลว่า ถ้าผู้ถูกสัมภาษณ์ให้คะแนนตัวเอง 9 – 10 คุณจะถูกคัดออกทันที เพราะคนที่กล้าบอกว่าตัวเองคือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในโลกที่หมุนเร็วแบบรายนาทีขนาดนี้ คือการประเมินที่สูงเกินไป

“คุณกำลังจะทำงานกับบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าอุตสาหกรรมนี้ขยับตัวตลอดเวลา ในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่มีใครคาดเดาได้หรอกครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การที่คุณแสดงตัวว่ารู้ทุกอย่าง คนแบบนี้จะตีกรอบให้คนอื่นๆ นั่นไม่ใช่คนที่เราต้องการ”

เช หวาง บอกว่านี่ไม่ใช่คำถามสูตรสำเร็จสำหรับทุกองค์กร ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการคนแบบไหน

แล้วตั้งคำถามที่ช่วยให้คุณได้คนในแบบที่ต้องการ โดยไม่ให้เขาหลอกเราได้

การใช้คำถามที่ดูเหมือน ‘สามัญ’ แต่มีชั้นเชิง นอกจากจะช่วยให้เห็นตัวตนของแต่ละคนแล้ว ยังช่วยให้เขาจำพนักงานที่เลือกมาได้ทุกคน

“แต่ละคนมีคำตอบเป็นของตัวเอง ใครชอบกินอะไร ชอบไปเที่ยวไหน พวกนี้ช่วยให้ผมจำพวกเขาได้

“สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลืมว่าใน 1 วัน เราใช้เวลากับเพื่อนร่วมงานมากกว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัวเสียอีก ผมคิดง่ายๆ แค่ว่า ผมไม่อยากอยู่กับคนแบบไหน ผมจะไม่รับคนแบบนั้นเข้ามา”

ทำความรู้จักกับ เช หวาง เพิ่มเติมได้ที่ เช หวาง : ซีอีโอ Boxed.com บริษัทระดับร้อยล้านเหรียญ ที่เคยมีพนักงานลาออกแค่ 2 คน!

 

อ้างอิง :

  • Amanda Miller.The 3 questions this CEO uses to weed out jerks. http://bit.ly/2Fq8oop
  • Mark Abadi. The CEO of the ‘Costco for millennials’ asks every potential hire 3 questions to weed out the jerks. https://read.bi/2TPhML3