life

แม้จะเข้าสู่ปีที่สองของการใช้ชีวิตภายใต้ ‘วิถีใหม่’ ที่ต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดกันแบบเข้มข้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่คลายความกังวล ภายใต้แนวคิดที่ว่า หากชีวิตนี้ขาดน้ำยาฆ่าเชื้อโรคไป ภัยต้องมาถึงตัวแน่นอน 

การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในการทำความสะอาดบ้านเป็นวิธีที่ถูกต้องและดีที่สุดในการรักษาความสะอาดและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ ในการดูแลบ้านให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ปราศจากเชื้อโรค โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อโรคเกินความจำเป็น 

เพราะยังมีอีกหลายตัวช่วยภายในบ้านรวมถึงธรรมชาติรอบตัว ที่คุณสามารถหยิบจับนำมาใช้ดูแลสุขอนามัยของตนเองและคนในครอบครัวแบบประหยัดคุ้มค่าและยั่งยืนกว่า หากปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ แม้ในยามที่ไม่มีโรคระบาดใดๆ เกิดขึ้นเลยก็ตาม 

1.

ใช้น้ำยาซักผ้าขาวแทนน้ำยาฆ่าเชื้อโรค 

House Cleaning

คุณสมบัติของน้ำยาซักผ้าขาว คือ การขจัดคราบฝังแน่นและคราบสกปรกต่างๆ ในใยผ้า ทั้งยังมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดี โดยผสมน้ำยาซักผ้าขาวกับน้ำเปล่า ใช้ทำความสะอาดบนพื้นผิววัสดุแข็งที่ไม่มีรูพรุน เช่น สแตนเลส เซรามิก สุขภัณฑ์ ฯลฯ เท่านี้ก็สะอาดหมดจด 

2.

น้ำส้มสายชูใช้ขัดถูได้ทุกซอก 

House Cleaning

น้ำส้มสายชูเป็นหนึ่งในวัตถุดิบอัศจรรย์ที่นอกจากจะเป็นเครื่องปรุงแล้ว ยังใช้ทำความสะอาดได้สารพัด โดยเฉพาะการกำจัดคราบต่างๆ ทั้งคราบน้ำ คราบตะกรัน คราบชากาแฟติดก้นถ้วย รอยไหม้บนเตารีด ฯลฯ 

ใครที่อยากให้ห้องน้ำสะอาด โดยไม่ต้องสูดดมสารเคมีจากน้ำยาล้างห้องน้ำ สามารถใช้น้ำส้มสายชูล้างคราบสกปรกติดแน่นในโถส้วม และกำจัดคราบเชื้อราบนผ้าม่านกั้นอาบน้ำ ซึ่งจุดเล็กจุดน้อยเหล่านี้คือแหล่งสะสมเชื้อโรคที่เราต่างก็ละเลย และควรเริ่มลงมือทำความสะอาดได้แล้ว 

3.

ขยันนำหมอนและผ้าห่มไปผึ่งแดด 

House Cleaning

ข้อดีของเมืองไทยคือ มีแสงแดดแผดแสงแรงกล้าช่วยฆ่าเชื้อโรคได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้น จึงควรเป็นอย่างยิ่งในการหมั่นดูแลความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยการนำหมอนและผ้าห่มออกมาผึ่งลมบ่มความร้อนจากพระอาทิตย์ ให้หอมแดดตอนหยิบมาใช้งาน 

เช่นเดียวกับการหมั่นซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนทุก 1-2 สัปดาห์ เพราะแม้จะใช้งานแค่ตอนนอน แต่ปลอกหมอนก็เป็นแหล่งสะสมเหงื่อไคล รังแค เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือแม้แต่น้ำลายที่ไหลลงไปบนหมอน ที่ทำให้พื้นที่ (ที่คุณคิดว่าปลอดภัย กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียโดยไม่รู้ตัว

4.

เปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศทุกวัน 

House Cleaning

การเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อให้อากาศจากภายนอกไหลเวียนเข้ามาในบ้าน จะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ควรหาช่วงเวลาเหมาะๆ ในการปิดเครื่องปรับอากาศสักวันละ 1-2 ชั่วโมง แล้วเปิดหน้าต่างและประตูที่อยู่ในทิศตรงข้ามกัน เพื่อให้ลมจากธรรมชาติช่วยระบายอากาศให้ถ่ายเท

สำหรับห้องที่มีหน้าต่างบานเดียว ให้เปิดหน้าต่างแล้วเปิดพัดลมเป่าไปทางหน้าต่าง ก็สามารถช่วยระบายอากาศได้ดี 

5.

วางสบู่ล้างมือทุกจุดที่มีก๊อกน้ำ 

House Cleaning

ไม่เฉพาะแค่บริเวณอ่างล้างหน้าในห้องน้ำเท่านั้นที่ควรวางสบู่ไว้สำหรับล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่ควรวางสบู่ไว้ทุกจุดที่มีก๊อกน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างจาน ก๊อกน้ำหน้าบ้านและหลังบ้าน เพื่อความสะดวกในการล้างมือทันทีหลังจากรับหรือแกะพัสดุที่มาส่ง 

6.

แยกขยะติดเชื้อทิ้งให้เด็ดขาด 

House Cleaning

หากทำได้ ควรแยกทิ้งขยะแต่ละประเภท แต่ถ้ารู้สึกยุ่งยากเกินไป อย่างน้อยก็ควรแยกขยะติดเชื้อออกจากขยะประเภทอื่นให้เด็ดขาด โดยทิ้งกระดาษเช็ดปาก กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำ หน้ากากอนามัยใช้แล้ว และถุงมือใช้ครั้งเดียวทิ้ง มัดใส่ถุงแยกจากขยะประเภทอื่น

หากทำได้ควรทิ้งลงถังขยะอันตราย (ถังสีแดงเพื่อสุขอนามัยของทั้งตัวเรา คนในครอบครัว และเจ้าหน้าที่เก็บขยะ 

7.

แบ่งพื้นที่ปลูกผักสวนครัว 

House Cleaning

บ้านไหนที่เข้าครัวทำกับข้าวทุกวัน ควรเริ่มปลูกผักสวนครัวง่ายๆ อย่างพริกขี้หนู กะเพรา โหระพา มะกรูด ฯลฯ ไว้กินเองในครัวเรือน จะได้ลดความถี่ในการออกไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบกระจุกกระจิกให้น้อยลง แค่พื้นที่บริเวณข้างบ้าน หลังบ้าน หรือริมระเบียงแคบๆ ที่มีแสงแดดส่องถึง ก็สามารถปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคได้แล้ว 

 

อ้างอิง 

  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.คู่มือชีวิตวิถีใหม่.https://bit.ly/36HP4Qx