หลายคนคงเคยเห็นมีม Disaster Girl หรือภาพเด็กหญิงยืนยิ้มให้กล้อง มีฉากเบื้องหลังเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้
แม้จะถูกเซฟไปแปะใต้คอมเมนต์ เล่นสนุกกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่ามีมนี้เขามีเจ้าของที่ซื้อมันมาแบบ NFT ในราคา 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 15.9 ล้านบาท
NFT คืออะไร? ทำไมคนในโลกออนไลน์กำลังพูดถึงอย่างหนาหู และเชื่อว่าจะเป็นช่องทางใหม่ที่ทำให้งานศิลปะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/29xp-meme-superJumbo-v3.jpg)
NFT (Non-fungible-token) คือหนึ่งในเหรียญคริปโต (Cryptocurrency) ที่ซื้อขายกันในระบบบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นระบบเดียวกับการซื้อขายบิตคอยน์และเหรียญสกุลอื่นๆ เพียงแต่ NFT นั้นต่างออกไป ตรงที่เป็น เหรียญที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าเหรียญไหน
‘ทดแทนได้’ หรือ ‘ทดแทนไม่ได้’
เหรียญที่ทดแทนกันได้เราเรียกว่า fungible token เช่น ถ้ายืมเงินเพื่อน 20 บาท เวลาคืนจะควักแบงก์ในกระเป๋าหรือโอนให้ 20 บาทก็มีค่าเท่ากัน ไม่จำเป็นต้องเป็นแบงก์ใบเดิมกับตอนที่ยืม ตรงกันข้ามกับ NFT ซึ่งเป็นเหรียญที่ไม่สามารถเอาเหรียญอื่นมาจ่ายคืนได้ เพราะแต่ละเหรียญมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ปลอมแปลงไม่ได้ ทำซ้ำไม่ได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกนำไปเป็นตัวแทนของการซื้อขายสินค้าที่ให้คุณค่ากับความแรร์ เช่น ผลงานศิลปะ
เมื่อจับคู่กับงานศิลปะ เหรียญจะเป็นตัวบ่งบอกว่างานชิ้นนั้นมีเพียงหนึ่งชิ้นในโลก คนที่ได้เป็นเจ้าของ จะมีหลักฐานยืนยันเป็นเหรียญ NFT ที่ไม่มีอะไรมาแทนได้ ไม่ว่าคนซื้อจะได้ครอบครองผลงานจริงๆ หรือไม่ แต่ในโลกบล็อกเชน เหรียญ NFT จะทำหน้าที่เป็นใบรับรองบอกว่าเขาผู้นั้นเป็นเจ้าของผลงานแต่เพียงผู้เดียว
เช่นเดียวกันกับ Disaster Girl แม้ว่ามันจะถูกเซฟไปตัดต่อใหม่ หรือใช้กันให้วุ่น แต่ท้ายที่สุดแล้วเจ้าของมีมที่ทุกคนใช้กันก็มีเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเหรียญ NFT ไว้ในครอบครอง แต่เจ้าของก็เป็นเพียงผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ทำได้เพียงนำไปขายหรือประมูลต่อเท่านั้น ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงยังคงเป็นคนทำผลงานอยู่ตามเดิม
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/first-tweet-e1624530708540.jpg)
เทรนด์ของ NFT เพิ่งเป็นที่นิยมในปี 2018-2019 แต่แท้ที่จริงแล้วการขายสินค้าในระบบนี้เริ่มมาพร้อมๆ กับช่วงที่สกุลเงินคริปโตประเภทต่างๆ เกิดขึ้น และเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหลังจาก แจ็ค ดอร์ซี (Jack Dorsey) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ ประกาศขายทวีตแรกบนทวิตเตอร์ที่มีใจความสั้นๆ ในระบบ NFT โดยกวาดเงินไปได้ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (~92.5 ล้านบาท) โดยผู้ชนะประมูลได้เป็นเจ้าของทวีตแรกของโลกคือ ซินา เอสตาวี (Sina Estavi) ซีอีโอชาวมาเลเซียของบริษัทบล็อกเชน Bridge oracle
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/22biz-beeple-square640.jpg)
หลังจากนั้น ไมค์ วิงเคิลแมนน์ (Mike Winklemann) หรือที่รู้จักกันในนาม Beeple ศิลปินแนวดิจิทัลอาร์ตก็ได้สร้างสถิติครั้งใหม่ให้แก่วงการศิลปะ NFT หลังจากเขาเปิดประมูลภาพ EVERYDAYS: The First 5000 Days ซึ่งเป็นการรวบรวมทุกผลงานที่เขาวาดทุกวันเป็นระยะเวลา 13 ปี โดยปิดประมูลที่ราคา 69.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (~2,213 ล้านบาท) ทุบสถิติผลงานศิลปะ NFT ที่ประมูลได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ไม่ใช่แค่งานศิลปะเท่านั้น แทบทุกสิ่ง แม้ไม่ใช่วัตถุที่จับต้องได้ในชีวิตจริง แต่ถ้ามีตัวตนบนโลกออนไลน์ก็ขายเป็นสินค้า NFT และมีคนมากมายพร้อมจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพ gif มีมตลกๆ คลิปช็อตเด็ดวินาทีที่นักกีฬาชู้ตบาสลงห่วง โควตคำพูดของนักแสดงชื่อดัง หรือแม้แต่บทความบนเว็บไซต์ก็ขายเป็น NFT ได้เหมือนกัน
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/26rooseframe-superJumbo.jpg)
The New York Times เป็นสื่อใหญ่เจ้าแรกๆ ที่เขียนเกี่ยวกับการมาเยือนของ NFT และตัดสินใจขายบทความชิ้นนั้นแบบ NFT เสียเลย บทความนี้ชื่อว่า Buy This Column on the Blockchain! Why can’t a journalist join the NFT party, too? เขียนโดย เควิน รูส (Kevin Roose) ได้ปิดประมูลไปที่ราคา 560,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (~17.8 ล้านบาท)
หลังจากนี้ NFT อาจเป็นเพียงเทรนด์หนึ่งของคนในแวดวงศิลปะที่เข้ามาสักพักแล้วจากไป หรือไม่แน่ว่ามันอาจกลายเป็นการซื้อ-ขายงานศิลปะในอนาคตก็เป็นได้ หากว่าเป็นอย่างหลัง บทความดังกล่าวจะได้ชื่อว่าเป็นงานเขียนแรกในประวัติศาสตร์ของ The New York Times ที่พูดถึงเรื่อง NFT และใครที่ได้เป็นเจ้าของเรื่องนี้ก็จะได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์นี้ด้วยเช่นกัน
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/d33377c7d1b33d505fe154892ae3e412.jpg)
ไม่เพียงแต่ในต่างประเทศแต่ในไทยเอง การขายสินค้า NFT ก็กำลังเป็นเทรนด์ที่คึกคักในแวดวงศิลปะสินค้าชิ้นแรกของไทยที่ลงขายแบบ NFT คือปกการ์ตูนขายหัวเราะ ฉบับที่ 1 ตีพิมพ์ใน พ.ศ.2516 มีลายเซ็นของ วิธิต อุตสาหจิต ผู้เป็นบรรณาธิการประดับอยู่บนปก หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ปิดราคาประมูลไปได้ที่ประมาณ 1.1 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ศิลปินรายใหญ่ แต่นักผลิตผลงานตัวเล็กตัวน้อย ต่างก็กำลังพากันคลำทางเข้าสู่วงการนี้ไปพร้อมๆ กัน
ขายสินค้า NFT ต้องทำอย่างไร
ถ้าจะขายผลงานในระบบนี้ จำเป็นต้องขายผ่านเว็บไซต์ที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ แต่เว็บที่มีผู้ใช้ไปรวมตัวมากที่สุด 3 อันดับ คือ OpenSea, Rarible และ SuperRare ซึ่งเมื่อคนใช้งานเยอะ ก็หมายความว่าคนก็มีโอกาสจะเห็นสินค้าของเราได้มากขึ้นตามไปด้วย
คนลงขายต้องสมัครบัญชีและจ่ายค่าธรรมเนียมให้เว็บไซต์ในฐานะคนกลางที่พาคนซื้อกับคนขายมาเจอกัน โดยค่าธรรมเนียมของแต่ละเว็บก็จะมีราคาแตกต่างกันไป มีให้เลือกทั้งแบบเหมาจ่ายสำหรับลงขายงานได้ตลอด และสำหรับการขายงานเพียงครั้งเดียว โดยสกุลเงินที่ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและตั้งราคาขายจะใช้สกุลเงิน อีเธอเรียม (Ethereum : ETH) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในสกุลเงินคริปโต คล้ายกับบิตคอยน์
![](https://becommon.co/wp-content/uploads/2021/06/EvwCHjEXYAAg6bC.jpg)
ผู้ขายจะเลือกตั้งราคาเบ็ดเสร็จ หรือเปิดเปิดประมูลก็ได้เช่นกัน โดยราคาประมูลจะเริ่มที่ 0.5 ETH (~30,684 บาท) นอกจากจะขายผลงานหลักแล้ว ยังมีฟังก์ชัน Bundle หรือ การเพิ่มของแถมให้กับคนซื้อได้อีกด้วย เช่น ถ้าลงขายเพลงเป็นไฟล์ mp3 อาจแถมเวอร์ชันเดโมเข้าไปด้วย เจ้าเดโมนี่แหละคือแรร์ไอเท็มที่ทำให้แฟนเพลงยิ่งกรี๊ดและยอมจ่ายแพงๆ เพื่อมาซื้อ
ไม่นานมานี้ Kings of Leon วงร็อกอเมริกัน ก็เพิ่งขายอัลบั้ม When You See Yourself ของพวกเขาแบบ NFT โดยของแถมสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของอัลบั้มนี้ก็คือการได้นั่งดูคอนเสิร์ตแถวหน้าสุดฟรีตลอดชีพ เพราะของแถมล่อตาล่อใจกันขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาได้รายได้จากการขายไปทั้งหมดถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (~63.8 ล้านบาท ) เรียกได้ว่ากรี๊ดกันทั้งวงและแฟนเพลงเลยทีเดียว
เมื่อผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาในตลาด NFT เป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในฟองสบู่ที่ใกล้จะแตกเต็มที ไม่ว่ากลไกตลาดจะดำเนินไปอย่างไร และวงการ NFT จะพัฒนาไปในทิศทางไหน สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีสำหรับคนในแวดวงศิลปะคือ งานทุกชิ้น ของทุกอย่างล้วนมีคุณค่า ในอนาคตคนทำเพลง นัดวาดภาพอาจต้องเก็บงานดราฟต์แรกของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่ว่าของชิ้นไหนก็ย่อมมีคุณค่าทางใจสำหรับใครสักคนอยู่เป็นแน่
อ้างอิง
- Robyn Conti and John SchmidtWhat. You Need To Know About Non-Fungible Tokens (NFTs). https://bit.ly/3h0nPVZ
- Kevin Roose. Buy This Column on the Blockchain! Why can’t a journalist join the NFT party, too?. https://nyti.ms/2TU3c5Y
- Andrew Steinwold. The History of Non-Fungible Tokens (NFTs). https://bit.ly/3h2ikpS