©ulture

เพราะเมาแฮงค์และมาสาย พระเจ้าจึงประทานผืนดินงดงามประดุจสรวงสรรค์ที่พระองค์หวงแหนที่สุดให้คนจอร์เจีย 

จอร์เจียเป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในแถบเทือกเขาคอเคซัส ปลายสุดของเส้นทางสายไหมโบราณ เชื่อมยุโรปและเอเชียเข้าหากัน ประเทศเล็กๆ ประเทศนี้ได้รับการขนานนามว่า มีภูมิประเทศงดงามประหนึ่งสรวงสวรรค์ (ภาพด้านล่างนี้คงยืนยันได้)

ตำนานเล่าว่า ในตอนที่พระเจ้ากำลังแบ่งโลกให้แก่มนุษย์ คนจอร์เจียกำลังกินดื่มกันอย่างเมามัน จึงทำให้พวกเขามาสาย ก่อนพบว่าดินแดนทั้งหมดถูกพระเจ้าจัดสรรให้แก่คนอื่นไปจนหมดสิ้นแล้ว ต่อเมื่อพวกเขาให้เหตุผลว่าการเมาแฮงค์นั้น มาจากการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่พระองค์ พระเจ้าจึงรู้สึกพอพระทัย และยกที่ดินที่เก็บไว้ให้ตัวเองแก่คนจอร์เจีย

แม้จอร์เจียจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่กลับเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย ทั้งภาษาของตัวเองที่ไม่ได้มีรากมาจากภาษาใด หรือเครื่องดื่มอย่างไวน์ ที่ว่ากันว่ามันเกิดขึ้นครั้งแรกบนโลกในประเทศจอร์เจีย

ภาพวาดการกินดื่มของคนจอร์เจียโดยศิลปินแนวนาอีฟ Niko Pirosmani

มีไวน์ก็ต้องมีความเมามาย (จริงๆ คนจอร์เจียมีเครื่องดื่มอีกชนิดที่ดีกรีแรงกว่าไวน์หลายเท่าชื่อ ‘Chacha’ [ชาช่า]) พวกเขาดื่มกินกันอย่างบ้าคลั่ง จากประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนเคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ก็คงต้องบอกว่าพวกเขาดื่มไวน์หรือชาช่าแทนน้ำหรือกาแฟกันเลยทีเดียว

แต่แม้จะถูกมองว่าเป็นคนขี้เมาขนาดไหน หนึ่งในสิ่งที่ชวนหลงใหลในวัฒนธรรมของคนจอร์เจียนั่นคือการ ‘ชนแก้ว’ ในงานจัดเลี้ยงดื่มกิน (Banquet) ที่ศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งพิธีกรรม นามว่า Supra (ซูปร้า)

ขั้นตอนการกินดื่มที่มีกฎเข้มงวดแต่แฝงไว้ซึ่งความอบอุ่นนั้น กฎข้อแรกคือ การชนแก้วจะต้องมี toastmaster ที่เรียกในภาษาจอร์เจี่ยนว่า tamada (ทามาดา) เป็นคนนำเสมอ โดยผู้นำการชนแก้วตามอุดมคติมักจะเป็นคนที่มีความรอบรู้ มีปัญญา พูดจาคล่องแคล่ว และที่สำคัญต้องเป็นนักดื่มตัวยง อย่างน้อยๆ ก็ต้องดื่มไวน์ได้มากกว่าสี่ถึงห้าลิตรโดยยังครองสติของตนไว้ได้

กฎข้อสองว่าด้วยมารยาทบนโต๊ะกินดื่ม นั่นคือแก้วไวน์หรือชาช่าต้องอยู่ในมือขวาของผู้ดื่มเท่านั้น ต่อมาคือ การชนแก้วแต่ละรอบจะถูกกำหนดหัวข้อการอวยพรและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดย tamada  (ห้ามแอบดื่มนอกรอบโดยไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ ก่อน) และการชนแก้วอวยพรแต่ละครั้งก็จะดำเนินไปบนบทสนทนาที่คล้ายการร่ายบทกวีที่กินระยะเวลานานหลายนาที ซึ่งหัวข้อต่างๆ มักเกี่ยวพันกับเรื่องราวทั้งเล็กและใหญ่ในชีวิต ไล่ไปตั้งแต่ความรัก ความตาย การสูญเสีย หรือแม้กระทั่งความเชื่อ โดยกฎข้อสำคัญอีกข้อก็คือ ผู้คนบนโต๊ะอาหารจะต้องพยายามทำความเข้าใจ ไม่ตัดสิน หรือมีอคติต่อเรื่องราวที่ทุกคนบอกกล่าวออกมา ขณะที่การยกแก้วขึ้นดื่มแต่ละครั้งก็ควรจะเป็นการกระดกทีเดียวหมดแก้ว

การกินดื่มมักใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือแม้กระทั่งข้ามวัน (ในการเฉลิมฉลอง เช่น งานแต่งงานบางงาน อาจกินระยะเวลายาวนาน 3 วัน 3 คืน) โดยอาจมองว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ผู้ชนะคือผู้ที่ถือครองสติของตนไว้ได้นานที่สุดก็ได้

การดื่มกินในท่วงทำนองเช่นนี้เน้นยำวิถีชีวิตและนิสัยของคนจอร์เจียในเรื่องของมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการซาบซึ้งในเรื่องราวระหว่างกันของผู้คนที่ร่วมวงดื่มกิน คนจอร์เจียจึงนับเป็นคนชาติหนึ่งที่ใจกว้าง เผื่อแผ่ และดูแลแขกเหรื่อของพวกเขาประหนึ่งคนในครอบครัวเสมอ โดยสำนวนที่พวกเขายึดถือนั่นคือ “แขกทุกคนถูกส่งมาโดยพระเจ้า”

นักประวัติศาตร์หลายคนอธิบายถึงวัฒนธรรมซึ่งกลายมาเป็นปรัชญาในการใช้ชีวิตนี้ไว้ว่า มันเกิดจากประวัติศาสตร์ของจอร์เจียที่มักมีสงครามเกิดขึ้นเสมอ หรือภูมิศาสตร์ของประเทศที่แม้จะงดงามประดุจสรวงสวรรค์ แต่ก็เต็มไปด้วยเส้นทางอันยากลำบากและอันตราย ในสมัยโบราณ ผู้คนต้องเดินเท้ายาวนานข้ามวันเพื่อไปแลกสินค้าอย่างเกลือ หรือเพียงเพื่อไปส่งข่าวสาร ไอเดียของความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการพยายามทำความเข้าใจผู้ร่วมเดินทาง หรือคนแปลกหน้าที่พบเจอระหว่างทางจึงฝังรากลึกอยู่ในหัวใจคนจอร์เจีย

Supra จึงไม่ใช่หลักคิดหรือปรัชญาลึกซึ้งยิ่งใหญ่ทำความเข้าใจยาก มันเป็นแค่เรื่องของการนั่งล้อมวงกับมิตรสหายและครอบครัว แบ่งปันขนมปังและไวน์ หรือชาช่าระหว่างกัน แลกเปลี่ยนเรื่องเล็กเรื่องน้อยไปจนถึงเรื่องลึกซึ้งเปี่ยมความหมายในชีวิต การดื่มกินของชาวจอร์เจียจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อความรื่นเริงและความเมามายเท่านั้น แต่มันคือกุศโลบาย หรือข้ออ้างที่เราจะได้ใช้เวลาร่วมกันเพื่อพูดคุยถึงชีวิตและมิตรภาพ รวมถึงเป็นการทบทวนชีวิตที่กำลังดำเนินไปของตัวเอง

และเมื่อไหร่ที่วิกฤตโควิด-19 จบลง ผมในฐานะคนที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่น ก็อยากเชิญชวนทุกคนให้ลองไปสัมผัสกับ Supra ในดินแดนที่งดงามประหนึ่งสรวงสวรรค์แห่งนี้สักครั้ง

 

อ้างอิง

  • Kevin Tuite. Université de Montréal. The Autocrat of the Banquet Table: the political and social significance of the Georgian supra.